เทคนิคการปลูก และดูแลบัวสายฉลองขวัญ ตัดดอก
เทคนิคการปลูก และดูแล
บัวสายฉลองขวัญ ตัดดอก
บัวสาย ไม้น้ำล้มลุกขยายพันธุ์โดยการแตกหน่อหรือหัวจากต้นแม่พันธุ์ในพื้นดินใต้น้ำ นิยมนำมาปลูกเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล และประดับประดาเพิ่มความสวยงามภายในบ่อหรือสระน้ำรอบบ้าน แต่ในปัจจุบันบังสายถูกพัฒนาพันธุ์จนมีลักษณะเด่นหลายประการ อย่างเช่น บัวสายที่ชื่อว่า
"ฉลองขวัญ" โดยมีลักษณะเด่นชัด คือ ก้านดอกแข็ง ดอกใหญ่บานนาน กลีบดอกเรียงซ้อนกันมาก ดอกมีสีม่วง และ มีกลิ่นหอม อ่อนๆ จึงสามารถนำมาปลูกเพื่อตัดดอกขายได้และนิยมนำมาใช้ในงานพิธีมงคลต่างๆ หรือใช้จัดสถานที่ในห้องอบรมสัมมนา ตามโรงแรม ควบคู่กับไม้ตัดดอกชนิดอื่นๆ ได้อย่างลงตัว จนทำให้เป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้ารับจัดดอกไม้มากขึ้น
คุณชูศักดิ์ หงส์ทอง หรือ ลุงเจี๊ยบ เกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกบัวสาย "ฉลองขวัญ" เ พียงสายพันธุ์เดียวเพื่อตัดดอกขาย โดยเริ่มปลูกมาตั้งแต่เกษียณการทำงานประจำในต่างประเทส ที่ทำมานานปี และ ศึกษาเรียนรู้การปลูกบัว นำมาใช้เป็นอาชีพทำกิบบนพื้นที่ของตน สวนกระแสการทำนาของเกษตรกรส่วนใหญ่ในระแวก จนประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว
ลุงเจี๊ยบ เล่าว่า เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าบัวสายในปัจจุบันไม่ใช่แค่การปลูกเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังสามารถปลูกเพื่อการตัดดอกขายได้ด้วย โดยในพื้นที่ 8 ไร่ ได้แบ่งออกเป็น 2 บ่อ บ่อละ 4 ไร่ ในการปลูกบัวสายฉลองขวัญตัดดอก โดยใช้ระยะปลูก 2*2 เมตร เรียงรายกัน ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 400 ต้น (หากปลูกเพื่อความสวยงามไม่จไเป็นต้องปลูกระยะถี่ก็ได้) ใช้ระดับความลึกของน้ำในการเพาะเลี้ยงตั้งแตต่ 50-150 ซม. ถ้าต้องการก้านดอกสั้น จะปลูกในพื้นที่น้ำตื้น และ ถ้าต้องการดอกยาว จะปลูกในพื้นที่น้ำลึก ฉะนั้นภายในบ่อควรมีการปรับพื้นที่ก้นบ่อให้มีความลาดเอียงคล้ายแอ่งกระทะ ไต่ระดับลึกตื้นแตกต่างกันไป โดยไม่ต้องแยกบ่อปลูก ในการปลูฏให้ใช้หัวพันธุ์บัวที่แตกขยายมาจากต้นแม่ นำมาเลี้ยงในกระถาง ใส่ดินเหนียว 1 ใน 3 ของกระถาง (ควรใช้ดินเหนียวที่แห้งหมาดๆ ) ใส่ปุ่ยคอก 2 ช้อนแกง ใส่สารป้องกันแมลงศรัตรู เช่น ราดาน 3 จี ปริมาณ 1/4 ช้อนแกง ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอเล็กน้อย และ ใส่น้ำจนเกือบเต็มกระถาง หมั่นเติมอยู่เสมอไม่ให้แห้ง ประมาณ 1 เดือน เมือต้นแข็งแรงจึงย้ายปลูกลงบ่อได้
การเตรียมบ่อ : จะคล้ายกับการปลูกไม้น้ำทั่วไป ต้องกำจัดสัตว์น้ำ เช่น ปู ปลา หอยเชอรรี่ ออกให้หมด โดยเฉพาะสัตว์กินพืช ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการจับออก ใช้สารเคมี หรือ ใช้สมุนไพร เช่น หางไหลเป็นต้น จากนั้นนตากบ่อให้แห้ง ปล่อย นก หรือ เป็ดเข้ามากิน ก็ได้เช่นกัน เมื่อเตรียมบ่อเสร็จ ให้ทยอยปล่อยน้ำเข้าบ่อ ให้ได้ระดับน้ำลึก 30 ซม. สำหรับการเลี้ยงบัวในระยะ 7-10 วันแรก และค่อยๆ เพิ่มปริมาณน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้ระดับที่ต้องการ ซึ่งน้ำที่นำมาใช้ต้องสะอาด ให้สังเกตเบื้องต้นคือ น้ำสะอาดต้องมีสีใส ไม่มีฟอง ไม่มีกลิ่น หรือ จะใช้ชุดตรวจสอบสภาพน้ำก็ได้ นอกจากนี้ควรมีการบำบัดน้ำด้วยการดติมจุลินทรีย์ทุกๆ 1-2 เดือน เพื่อช่วย่อยสลายของเสียภายในบ่อ หลังจากย้ายปลูกลงบ่อประมาณ 1 เดือน สามารถตัดดอกขายได้ และจะสามารถตัดขายได้เรื่อยไปถ้ามีการดูแลอย่างดี
ภายในบ่อควรมีการวางระบบสปริงเกอร์เพิ่มเติม โดยต้องจัดระยะให้น้ำกระจายตัวได้ทั่วถึงกัน เพื่อใช้ในการช่วยเพิ่มความชื้น ช่วยจับ/ตรึงไนโตรเจนในอากาศ และเป็นช่องทางในการให้สารบำรุงทางใบ เช่น ปุ๋ย ฮอร์โมน น้ำหมักสมุนไพร เป็นต้น โดยให้เปิดในช่วงเวลากลางคืน เพราะว่าหากใส่สารบำรุงที่มีปริมาณความเข้มข้นสูง
ในช่วงเวลากลางวันที่มีแสงแดดอาจทำให้ใบ และ ดอกไหม้ได้ โดยอัตราในการให้ปุ๋ยจะขึ้นอยู่กับสภาพ
ต้น ดอก ใบ เป็นหลัก เพราะว่าการปลูฏในระบบปิด จะทำให้รู้ว่าพืชตอนนี้ต้องการธาตุตัวไหนและต้องใส่อะไรเพิ่มเติม
"อย่างปุ๋ยเคมีทั่วไป ตัว N หรือ ไนโตรเจน จะช่วยสร้างความแข็งแรงของต้น ทำให้ลำต้นอวบใบใหญ่ ตัว P หรือ ฟอสฟอรัส จะช่วยเร่งดอก และ ตัว K หรือ โพแทสเซียม ในไม้ผลจะช่วยเร่งความหวาน ในไม้ดอกจะช่วยเพิ่มสีสัน หากต้องการบำรุงให้เลือกใส่เป็นกรณีไป หรือ จะเลือกใสปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ก็ได้ เพราะบัวไม่มีความจำเป็นต้องเร่งดอกมากนัก เพราะปกติเมื่อต้นที่สมบูรณ์ ทุกครั้งที่มีใบใหม่เกิดขึ้นมา ดอกมักจะเกิดขึ้นตามมาด้วยกันเสมอ ฉะนั้นให้ เร่งต้น เร่งสีดอก และ ความใหญ่ของดอกเท่านั้น" ลุงเจี๊ยบกล่าว
สำหรับเรื่องโรค-แมลงศัตรูพืชมีหลายชนิด เช่น เพลี้ยไฟ แมลงปากดูด หนอนกินใบ ฯลฯ จะเน้นการรักษาเป็นกรณีไป ใช้ได้ทั้งสารเคมีและน้ำหมักสมุนไพรอ หรือ แม้แต่ใช้ธรรมชาติกำจัดกันเอง โดยต้องมีการศึกษาด้านแมลงศัตรูพืชพอสมควร ซึ่งแต่ละชนิดจะใช้วิธีการกำจัดไม่เหมือนกัน เช่น เพลี้ยไฟ ไม่ชอบความชื้น ควรเปิดน้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ ในช่วงเวลากลางวัน เพิ่มความชื้นในอากาศช่วยขับไล่ได้ทางหนึ่ง เป็นต้น
บัวสายตัดดอกส่งโรงแรมดัง
ลุงเจี๊ยบบอกว่า การตัดดอกบัวสายจะเหลือความยาวก้านดอกขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ปกติจะตัดที่ความยาวก้านดอกขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ปกติจะตัดที่ความยาว 30 ซม. เพราะบัวพันธุ์นี้ก้านจะอ่อนลงเมื่ออยู่ในแจกันนานๆ ซึ่งปกติจะอยู่ได้นาน 4-5 วัน แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสียบค้ำก้านกับดอกไว้ สำหรับดอกบัวที่ตัดมาแล้วให้ห่อกระดาษกำละประมาณ 10 ดอก นำไปใส่ขวดพลาสติกตัดปากออกทำเป็นแจกันชั่วคราว ป้องกันก้านหัก และ ดอกช้ำ ระหว่างการลำเลียงขนส่ง ใส่น้ำเลี้ยงไว้เล็กน้อย ราคาขายออกจากบ่อ 20 บาท/ดอก เป็นราคาเดียวตลอดปี ส่วนที่ขายเป็นกระถางจะมีราคาตามขนาดต้นระหว่าง 100-200 บาท/ต้น แต่ไม่ได้เน้นขายต้นเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะขายดอกมากกว่า
"บัวมีอัตราการออกดอก 2 วัน/ดอก/ต้น แบบสลับกัน ออกดอกตลอดปี โดยที่ฤดูกาลไม่มีผลเกี่ยวเนื่องมากนัก มีเพียงในฤดูหนาวเท่านั้นที่บัวจะชะงักการออกดอกเล้กน้อยแต่ไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่ วันหนึ่งๆ สามารถตัดดอกขายตามยอดการวั้งซื้อได้ถึง 500-1000 ดอก บางวันถึง 2,000 ดอกก็มี นำมาขายแบบคละขนาด ยกเว้นดอกที่เสียมีตำหนิจะไม่นำมาขาย มีผู้กระจายสินค้ามารับไปขายยังโรงแรมดัง อาทิ โรงแรมโอเรียนเต็ล โรงเแรมออลซีซันส์ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ และ โรงแรมโลตัส เป้นต้น จะมีเข้ามาซื้อกันไม่ขาดสาย" ลุงเจี๊ยบกล่าว
สำหรับท่านใดที่สนใจหรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อไปได้ที่ คุณชูศักดิ์ หงส์ทอง บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 11 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12150 โทร.085-118-5850
โพสต์โดย : POK@