รวมเทคนิคการป้องกัน และกำจัด หอยเชอรี่
รวมเทคนิคการป้องกัน และกำจัด หอยเชอรี่
หอยเชอรี่ หอยโข่งอเมริกาใต้ หรือหอยเป๋าฮื้อน้ำจืด มีลักษณะคล้ายหอยโข่ง แต่เปลือกมีสีอ่อนกว่า ตัวโตกว่า จากการดูตัวด้วยตาเปล่าสามารถแบ่งหอยเชอรี่ออกได้เป็น 2 พวก คือพวกที่มีเปลือกสีเหลืองปนน้ำตาลเนื้อและหนวดสีเหลืองและพวกมีเปลือกสีเขียวเข้มปนดำ มีสีดำจาง ๆ พาดตามความยาว เนื้อและหนวด สีน้ำตาลอ่อน
หอยเชอรี่เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หอยตัวเต็มวัยอายุเพียง 3 เดือน จะจับคู่ผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา หลังจากการผสมพันธุ์ได้ 1 - 2 วัน ตัวเมียจะวางไข่ โดยจะวางไข่ในเวลากลางคืน บริเวณที่แห้งเหนือน้ำ เช่น ตามกิ่งไม้ ต้นหญ้าริมน้ำ โคนต้นไม้ ริมน้ำข้าง ๆ คัน และตามต้นข้าวในนา ไข่หอยเชอรี่มีสีชมพู เกาะติดกันเป็นกลุ่มยาว 2 - 3 นิ้ว กลุ่มละประมาณ 288 - 3,000 ฟอง เป็นตัวหอยภายใน 7 - 12 วัน แม่หอยสามารถวางไข่ได้ตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะวางไข่ได้ถึง 10 - 14 ครั้งต่อเดือน
หอยเชอรี่กินพืชทุกชนิดที่มีลักษณะอ่อนนิ่ม เช่น สาหร่าย ผักบุ้ง ผักกระเฉด แหน ต้นกล้าข้าว ซากพืชน้ำ และซากสัตว์เน่าเปื่อยในน้ำ โดยเฉพาะต้นข้าวในระยะกล้าและที่ปักดำใหม่ ๆ ไปจนถึงระยะแตกกอเต็มที่ โดยจะกัดกินลำต้นข้าวใต้น้ำ ผิวน้ำ เหนือพื้นดิน 0.5 - 1 นิ้ว เมื่อต้นข้าวถูกกัดขาดก็จะกินส่วนใบที่ลอยน้ำต่อไปหมดต้น
หอยเชอรี่เป็นสัตว์ศัตรูข้าวที่สำคัญมาก นอกจากจะขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี โดยจะหมกตัวมีชีวิตอยู่ในพื้นนาได้นานตลอดฤดูแล้ง และยังลอยตัวไปตามน้ำไหลได้อีกด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันกำจัดอย่างต่อเนื่องโดยใช้หลายๆ วิธีผสมผสานกัน ดังนี้
1. วิธีกล
เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีที่สุด ประหยัด ปลอดภัย และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีหลายวิธีดังนี้
- การจับเก็บทำลาย
- การจับเก็บมาใช้ประโยชน์
หอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34 - 35 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบเป็นอาหารได้หลายอย่าง หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ให้ทำเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ต่างๆ เช่น เป็ด ปลา กุ้ง ปลาไหล กบ ตะพาบน้ำ ไก่ และสุกร เป็นต้น เปลือกหอยสามารถนำมาใช้ปรับสภาพความเป็นกรดของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกและไข่หอย สามารถนำไปฝังบริเวณโคนต้นไม้เพื่อทำเป็นปุ๋ย ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตดี หรือทำเป็นปุ๋ยหมักชนิดน้ำได้
ข้อห้าม ไม่ควรบริโภคเนื้อหอยเชอรี่ในบริเวณที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม หรือบริเวณพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมาทำประโยชน์
- การดักและกั้น ตามทางน้ำผ่านให้ใช้ตาข่าย เฝือก หรือภาชนะดักปลา ดับจับหอยเชอรี่
- การใช้ไม้หลักปักในนาข้าว การล่อให้หอยเชอรี่มาวางไข่ โดยใช้หลักปักในที่ลุ่มหรือทางที่หอยผ่าน เมื่อหอยวางไข่ตามหลักที่ปักไว้ ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่หอยไปทำลาย
-
การใช้เหยื่อล่อ พืชทุกชนิดใช้เป็นเหยื่อล่อหอยเชอรี่ได้ หอยจะเข้ามากินและหลบว่อนตัว พืชที่หอยชอบกิน เช่น ใบผัก ใบมันเทศ ใบมันสำปะหลัง ใบมะละกอ หรือพืชอื่นที่มียางขาวคล้ายน้ำนม
2. โดยวิธีชีววิธี
- ใช้ศัตรูธรรมชาติช่วยกันกำจัด เช่น ใช้ฝูงเป็ดเก็บกินลูกหอย
- อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ โดยปกติในธรรมชาติมีศัตรูหอยเชอรี่อยู่หลายชนิดที่ควรอนุรักษ์ เช่น นกกระยาง นกกระปูด นกอีลุ้ม นกปาห่าง และสัตว์ป่าบางชนิด ซึ่งสัตว์เหล่านี้นอกจากจะช่วยทำลายหอยเชอรี่แล้ว ยังทำให้ธรรมชาติสวยงามอีกด้วย
3. การใช้สารเคมี
กองกีฏและสัตว์วิทยา กรมวิชาการเกษตรได้แนะนำให้ใช้สารดังนี้
- นิโคลซาไมค์ (niclosamide) ชื่อการค้า ไบลุสไซด์ (Bayluscide) 70% WP อัตรา 50 กรัมต่อไร่ โดยนำสารซึ่งเป็นผลสีเหลืองมาละลายน้ำและพ่นด้วยเครื่องฉีดพ่น หรือใส่บัวรดน้ำ หรือใช้ภาชนะตักราดลงนาข้าว
- เมทัลดีไฮด์ (metaldehyde) ชื่อการค้า แอโกล-สลัก (Angle slug) 5% หรือเดทมีล (Deadmeal) 4% สารชนิดนี้เป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูปอัดเม็ด ใช้หว่านในอัตรา 0.5 - 1 ก.ก.ต่อไร่
- โปรเทก (Protek) เป็นสารที่ได้จากพืชหรือส่วนของพืชบดเป็นผง ใช้หว่านในนาข้าว อัตรา 3 ก.ก.ต่อไร่
- คอปเปอร์ ซัลเฟต (copper sulphate) ใช้ในอัตรา 1 ก.ก.ต่อไร่ โดยนำมาละลายน้ำในบัวรดน้ำหรือใช้ภาชนะตักราดลงนาข้าว
ห้ามใช้เอ็นโดซัลแฟนในนาข้าว เพราะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในน้ำ
ข้อควรระวัง การใช้สารเคมีกำจัดหอยเชอรี่ อาจทำให้เปลือกหอยที่ตากแล้วบาดเท้าเกษตรกรที่ปฏิบัติงานในนา เกษตรกรจะบาดเจ็บหรือได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะโรคฉี่หนู ผู้ป่วยอาจถึงกับเสียชีวิตได้
โพสต์โดย : POK@