Social :



เทคนิคการปลูก และดูแลพลับ

22 ส.ค. 62 12:08
เทคนิคการปลูก และดูแลพลับ

เทคนิคการปลูก และดูแลพลับ

เทคนิคการปลูก  และดูแลพลับ  

พลับ   เป็นไม้ผลเมืองหนาวซึ่งเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่มีการเจริญเติบโตดี  ลำต้นมีผิวหยาบกร้าน  ขรุขระ  สีน้ำตาลแก่  ใบสีเขียวเป็นมัน รูปหัวใจ  ดอกคล้ายระฆังสีเหลืองอ่อน มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย ส่วนดอกกระเทยนั้นพบน้อยมาก ลักษณะผลมีหลายแบบเช่น  กลม  กลมแบน  กลมยาวคล้ายรูปกรวยผลอ่อนมีสีเขียว  เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  เนื้อผลจะแข็งเมื่อสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม  เมล็ดสีน้ำตาลแก่พลับบางชนิดก็มีรสฝาก  บางชนิดก็มีรสหวาน  พลับเป็นพืชในวงศ์  Edenaneae  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diospyros kaki 


สภาพดินฟ้าอากาศ 
พลับเป็นพืชที่ชอบอากาศหนาวเย็น เพื่อทำให้การพักตัวสิ้นสุดลง  แต่ก็ไม่ชอบอากาศหนาวเย็นจัดเกินไป  อุณหภูมิที่ลดต่ำอย่างกระทันหันระหว่างต้นฤดูหนาวทำให้เกิดอันตราย  ดังนั้น  ความเย็นและระยะความหนาวก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ดินที่เหมาะก็คือดินร่วนปนทรายควรเป็นกรดอ่อนๆ  ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตดี 

แบ่งออกตามความแตกต่างเรื่องรสชาติเป็น  2  พวกใหญ่ ๆ  คือ
- พลับหวาน พวกนี้รสหวานกรอบไม่ฝาดแม้จะเก็บมาจากต้นก็รับประทานได้เลยได้แก่ พันธุ์ฟูยู ไลโอเปอเชียน ไจโร ซารูก้า
- พลับฝาด เมื่อผลยังไม่สุกจะมีรสฝาด หากจะรับประทานต้องนำไปผ่านกรรมวิธีการลดความฝาดเสียก่อน เมื่อผลสุกเต็มจะมีสีแดงส้ม เนื้อผลนิ่ม รสหวาน พันธุ์พวกนี้ได้แก่ ทานีนาชิ, ฮาชิยา, ซูรู ความฝาดนี้ก็เนื่องจาก แทนนิน ในเนื้อของผลนั่นเอง

ลักษณะพันธุ์บางพันธุ์ที่น่าสนใจ เช่น
- ฟูยู   มีผลขนาดกลางจนถึงใหญ่  รูปร่างกลมแบนสีแดงสดอมส้มคล้ายผลมะเขือเทศ  มีรสหวานจัด  แม้ว่าเนื้อผลจะยังคงแข็งอยู่  ไม่มีเมล็ด ผลแก่ราวปลายเดือนกันยายน
- ไลโอเปอเชียน   มีผลขนาดใหญ่  รูปร่างกลมเนื้อผลมีรสหวาน แม้ว่าผลจะยังไม่สุกเต็มที่ มีเมล็ดผลจะแก่ปลายเดือนกันยายน
- ไนติงเกล   มีผลขนาดใหญ่  รูปร่างคล้ายกรวยเมื่อผลยังไม่สุกจะมีรสฝาด  เมื่อสุกเต็มที่เนื้อผลจะเนิ่มรสหวาน
- ทานีนาชิ   มีผลขนาดใหญ่  กลมยาวคล้ายกรวย  รสฝาดเล็กน้อย เมื่อสุกเต็มที่เนื้อนิ่ม ผิวสีแดงส้ม  มีรสหวาน  ไม่มีเมล็ด
- ฮาชิยา   ผลมีขนาดใหญ่มาก  รูปร่างคล้ายพันธุ์ทานีนาชิ  รสฝาด  แม่เมื่อสุกเต็มที่ผิวสีแดงเข้ม  เนื้อผลนุ่มจะมีรสหวาน
- ซูรุ   ผลรูปกรวยยาวกว่าพันธุ์อื่นๆ  ผิวสีเหลืองอมส้ม


การขยายพันธุ์พลับ  ทำได้หลายทาง  เช่น  การเพาะจากเมล็ด  การใช้หน่อที่งอกมาจากราก  การติดตาและต่อกิ่ง  ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดมักจะกลายพันธุ์และมีการเจริญเติบโตไม่สม่ำเสมอ  ต้นที่ได้จากหน่อที่งอกออกมาจากราก  ก็ขยายพันธุ์ได้ช้า  และมีจำนวนน้อย  ส่วนการติดตา  และต่อกิ่งทำได้ง่ายมาก  แต่ต้องใช้ต้นตอที่มีระบบรากแข็งแรง

ต้นตอที่ใช้กันในประเทศไทยใช้พืชสกุล  Diospyros(Genus)  เช่น  กล้วยฤาษี(D.glandulosa) ตะโกนา (D.rhodocalyx)  ตะโกสวน (D.malabarica)  จันเขา(D.dsyphylla) มะพลับดง(D,schmidtii)  ฯลฯ 
MulticollaC

สำหรับกล้วยฤาษีเป็นไม้ป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ  บริเวณภูเขาสูงทางภาคเหนือของไทย  มีลำต้นใหญ่ระบบรากลึก  ทนสภาพแห้งแล้ง  เติบโตดี 


พลับ  เป็นไม้ผลที่มีการผลัดใบ  ต้องการสภาพอากาศที่หนาวเย็น  ในฤดูหนาวใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  และร่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนพอถึงเดือนมกราคมใบจะร่วงหมดต้น  ต้นพลับจะพักตัวจนถึงเดือนมีนาคมก็จะเริ่มผลิใบขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นไม่นานก็จะมีการผลิดอก  และติดผล  ผลจะแก่ในราวเดือนสิงหาคม  ถึงกันยายน

พลับขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด  จึงไม่มีปัญหามากนักสำหรับการเลือกที่ปลูก  ระยะปลูกที่เหมาะสม  6-8*6-8  เมตร  ซึ่งควรเริ่มปลูกต้นฤดูฝน

การเตรียมหลุมปลูกพลับ  ควรขุดให้มีความกว้างยาวลึกด้านละ  1/2x1  เมตร  แบ่งดินบนไว้กองหนึ่งดินชั้นล่างไว้อีกกองหนึ่ง  นำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่าๆ  เทใส่ลงไปขนาดพอๆ  กับกองดินบนผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน  หลังจากนั้นจึงค่อยเอาดินล่างกลบลงไปให้มีระยะสูงกว่าปากหลุมเล็กน้อย  นำต้นพลับที่ชำไว้ลงปลูก 

การใส่ปุ๋ย 
ควรแบ่ง  2  ครั้ง  คือ  ครั้งแรกให้เมื่อพลับเริ่มออกดอก โดยให้สูตร  13-13-21  อีกครั้งหนึ่ง ให้หลังจากเก็บเกี่ยวผลและตัดแต่งกิ่งแล้วโดยให้สูตร  15-15-15  สำหรับอัตราที่ใช้ก็แล้วแต่ขนาดและอายุของพลับ วิธีการให้ทำ  โดยพรวนดินรอบบริเวณทรงพุ่มตื้นๆ  ไม่ต้องลึกแล้วโรยปุ๋ยรอบๆ  หลังจากนั้นก็ให้น้ำตาม  บริเวณที่โรยปุ๋ยให้ทั่ว 

ศัตรู  และการป้องกันกำจัด 
พลับเป็นไม้ผลที่ไม่ค่อยจะมีปัญหาในเรื่องโรคและแมลงมากนัก  ซึ่งในเมืองไทยยังมีการศึกษากันน้อยมาก  แต่ในต่างประเทศมีสำคัญๆ  เช่น

โรค  Grown  gall 
สาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ  acterium  tumorfaciens  ป้องกันโดยการไม่นำเอาต้นที่เป็นโรคไปปลูก  นอกจากนี้ก็มีไส้เดือนฝอยในดินทำให้เกิดโรครากปม  นก  และแมลงวันผลไม้บ้างเล็กน้อย 


การเก็บผล 
พลับที่ปลูกในประเทศไทย  จะเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงกันยายนตามแต่พันธุ์นั้นๆ  ว่าจะสุกก่อนหรือหลังแค่ไหน  ส่วนในอเมริกาจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณ  เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม   การเก็บเกี่ยวต้องทำอย่างระมัดระวังอย่าให้ผลช้ำหรือมีรอยตำหนิได้  เพราะว่าเชื้อราอาจจะเข้าไปทำลายให้ผลเน่าเสียหายเก็บไว้ได้ไม่นาน  และไม่เป็นที่ต้องการของตลาด  ซึ่งในการเก็บเกี่ยวจะต้องใช้กรรไกรตัดที่ขั่วผล อย่าใช้มือเด็ดเป็นอันขาด  ผลที่เก็บจะต้องเป็นผลที่แก่จัด  ผิวผลมีสีเหลือง  ซึ่งผลจะยังคงแข็งแรงอยู่  หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วควรจะใช้กระดาษฟางห่อผลคล้ายกับการห่อผลแอปเปิลเรียงซ้อนกัน  2-3  ชั้น  ในกล่องกระดาษพร้อมที่จะขนส่งสู่ตลาด 

ประโยชน์ 
พลับเป็นผลไม้ที่ใช้รับประทานสดได้มีรสหวานหอมชื่นใจ  นอกจากนี้ยังนำไปทำเป็นอุตสาหกรรมทำพลับแห้งได้อีกด้วย  และถ้ามีมากพอสมควรอาจจะส่งไปขายในตลาดต่างประเทศเป็นการเพิ่มพูนรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกได้เป็นอย่างดีด้วย








ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.baanjomyut.com/

โพสต์โดย : POK@