ทำความรู้จักประโยชน์ และวิธีการปลูกขี้เหล็ก
ทำความรู้จักประโยชน์ และวิธีการปลูกขี้เหล็ก
ชื่อสามัญ : Cassod tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna siamea
วงศ์ : Leguminosae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ขี้เหล็ก จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เรือนยอดทึบ ใบสีเขียวเข้มแบบลูกทุ่งๆ โตเร็วแผ่กิ่งก้านสาขาไวมาก
ดอกสีเหลืองเข้มสวยงามออกประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ฝักแบนๆ สีน้ำตาลเข้ม ภายในมีเมล็ดประมาณ 20-30 เมล็ดต่อฝัก
สมัยโบราณมีการสอนถ่ายทอดภูมิปัญญาต่อๆ กันมาว่า เวลาต้องการจะบ่มมะม่วง จะให้สุกเร็วขึ้นก็ใช้ใบขี้เหล็กมาปูรองก้นโอ่งก่อนจะใส่มะม่วงลงไปบ่ม จะได้ผลดี
ตำรายาไทยกล่าวไว้ว่า…
–ดอกและใบ เป็นยาช่วยให้หลับ ระบายอ่อนๆ ขับปัสสาวะ ในยอด ดอกอ่อน และแก่นขี้เหล็กประกอบด้วย สารกลุ่ม แอนทราควิโนน (Antraquinone) หลายชนิดมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้ผ่อนคลายความเครียด ช่วยให้หลับง่าย
–แก่น แก้กระษัยปวดเมื่อย ขับระดูขาว ถ่ายพยาธิ แก้เหน็บชา รักษาฝีคัณฑสูตร (ก็ ฝีมะม่วงนั่นแหละ) เป็นฝีที่เกิดจากต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ หรือรอบๆ ทวารหนัก เป็นก้อนคล้ายลูกมะม่วง
อันนี้แถมให้เป็นเกร็ดความรู้จากพุทธประวัติ
“คัณฑะ” เป็นชื่อบุคคลที่พระพุทธเจ้าทรงประทานเมล็ดมะม่วงให้นำไปปลูกมะม่วงจึงมีชื่อเรียกในภาษาบาลีว่า
“คัณฑามพฤกษ์” หรืออีกชื่อหนึ่งของมะม่วงคือ
“อัมพา” เพราะนางอัมพปาลี ได้ถวายที่ดินสวนมะม่วงสร้างวัด ก็เลยได้รับการขนานนามว่า
วัดอัมพวัน แปลว่า วัดที่สร้างจากที่ดินปลูกมะม่วงไงครับ
ไม้จากลำต้นขี้เหล็กยังสามารถนำมาทำเครื่องมือกสิกรรมได้ด้วย เช่น ด้ามจอบ ด้ามขวาน ด้ามเสียม บางโอกาสใช้ในงานก่อสร้างก็ยังพอไหว
ถือว่าเป็นต้นไม้ครอบจักรวาลชนิดหนึ่งได้เลย…
เดี๋ยวนี้มีการทำเป็น ขี้เหล็กแคปซูล ออกมาจำหน่ายกันหลายแบรนด์ ใครท้องผูก นอนไม่หลับ จิตฟุ้งซ่าน ลองซดแกงขี้เหล็กราดข้าวสักจาน หากไฟธาตุไม่แข็งจริงๆ คืนเดียวรู้ผลครับ
ขี้เหล็ก ปลูกโดยการเพาะเมล็ด เก็บฝักแก่มาแกะเอาเมล็ดข้างในไปเพาะในถุง หรือกระบะก็ได้ตามถนัด รดน้ำให้ชุ่ม วางไว้ที่รำไร รอสัก 10-14 วัน พองอกสูงได้สักประมาณ 1 คืบกว่าๆ ก็แยกต้นไปปลูกลงดิน
โดยขุดหลุมกว้าง 50×50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร โรยปุ๋ยคอกลงไปรองก้นหลุมซะหน่อยหนึ่ง ผสมกับใบไม้ผุ กาบมะพร้าวสับ แกลบดิบหรือแกลบเผาก็ได้ คลุกให้เข้ากันกลบดินให้แน่น หาไม้ไผ่มาปักหลักประคองไว้กันลมโยกสักนิด จ ากนั้นรดน้ำเช้า-เย็น
โพสต์โดย : POK@