เทคนิคการดูแลสวนมังคุดอินทรีย์ ให้ได้ผลผลิตดี ปลอดภัยจากโรค และแมลง
เทคนิคการดูแลสวนมังคุดอินทรีย์
ให้ได้ผลผลิตดี ปลอดภัยจากโรค และแมลง
คุณสุรศักดิ์ ขุมทอง เป็นเกษตรกรที่จบทางด้านเกษตรมา มีความรู้ทางด้านวิชาการแต่เนื่องจาก มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานที่
ศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติสองสลึง ของผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ (เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด จ.ระยอง) จึงทำให้เปลี่ยนแนวคิดหันมาสนใจทางด้าน
เกษตรอินทรีย์ จากที่คิดว่า การไปศึกษาดูงานในครั้งนั้นต้องอยู่ได้ไม่เกิน 1 วันแน่ๆ แต่พอไปฟังวิทยากร ไปดูฐานการเรียนรู้ต่างๆ ทำให้เกิดแนวคิดอยากจะนำกลับมาปรับเปลี่ยนในสวนผลไม้ของแม่ยาย ซึ่งใช้สารเคมีในการทำเกษตรมานาน จึงนำความรู้ที่มีผนวกกับสิ่งที่ได้รับจากศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติของผู้ใหญ่สมศักดิ์ มาผสมผสาน ทำสวนผลไม้แบบเกษตรอินทรีย์เพื่อเริ่มต้นจากสวนตัวเอง และยังได้นำความรู้นั้นไปถ่ายทอดและแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้านและคนในชุมชนอีกด้วย จากการพูดคุยกับคุณสุรศักดิ์ มี 3 เรื่องที่น่าสนใจ และได้นำมาแบ่งปัน ติดตามได้ในรายละเอียด
ใช้หลักสำคัญคือการจัดการระบบนิเวศน์ในสวนให้สมดุล และเหมาะสมแก่การผลิต
มังคุด ให้มีคุณภาพดีและปลอดภัยจากสารเคมีรวมทั้งช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมในสวนดีขึ้นเนื่องจากแต่เดิมนั้นในสวนมีการใช้สารเคมีติดต่อกันเป็นระยะเวลานานถึง 30 ปี ทั้งยาฆ่าหญ้า ,ยาฆ่าแมลงรวมทั้งปุ๋ยเคมี ทำให้ดินมีสภาพแข็งแน่น พบโรคและแมลงระบาดเป็นประจำ
การจัดการกระทำโดยดึงเอาสิ่งที่ธรรมชาติให้มา นำมาจัดการให้เกิดประโยชน์มากที่สุดและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด อย่างเช่นการจัดการหญ้าให้สัมพันธ์กับการจัดการแมลง, การตัดแต่งทรงพุ่มให้สัมพันธ์กับการรับแสงแดดของต้นมังคุด การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงคุณภาพโครงสร้างของดินและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของจุลินทรีย์ในดินรวมทั้งปรับปรุงสภาพทางเคมีของแร่ธาตุอาหารต่างๆ ให้เหมาะสม และรากสามารถดูดซึมเอาไปใช้ได้
สรุป คือ จัดการให้ แดดถึงดิน ปุ๋ยพอ และแมลงสมดุล นี่คือการจัดการสวนมังคุดอินทรีย์ในบริเวณสวน นายสุรศักดิ์ ขุมทอง
ผลที่จะได้รับ : ได้มังคุดดี ปลอดสารเคมี และสุขภาพดี สภาพแวดล้อมดี
การจัดการสวนในรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละสวนอาจจะปฏิบัติไม่เหมือนกัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างกัน ชาวสวนแต่ละท่านจึงควรศึกษา และทดลองให้ได้วิธีการที่เหมาะสมกับสวนของท่านก่อนและเมื่อแน่ใจแล้วปฏิบัติจนถึงปรับปรุงให้ได้ผลดียิ่งขึ้นไป ที่สำคัญ คือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชาวสวน การเปิดใจกว้างรับรู้สิ่งใหม่ๆ และทดลองกระทำให้แน่ใจก่อนปฏิบัติจริง
การให้ปุ๋ยและสมุนไพรไล่แมลง
ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. : หลังการเก็บเกี่ยว ต้องเตรียมต้นให้พร้อมต่อการแตกใบอ่อนในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.
การจัดการทางกายภาพ : ตัดแต่งกิ่งให้โปร่งแสงส่องได้ทั่วถึง โดยเฉพาะในด้านที่รับแสงตะวันออก - ตะวันตก ควรตัดแต่งกิ่งบางกิ่งออก กรณีต้นที่มีอายุมากไม่สะดวกต่อการดูแล - เก็บเกี่ยวก็สามารถตัดส่วนยอดออกได้
การให้ปุ๋ยทางดิน : ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์รอบทรงพุ่มและพ่นหรือราดทับด้วยปุ๋ยน้ำ ชีวภาพเพื่อให้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุเร็วขึ้น และเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้มังคุดพร้อมสำหรับการแตกใบใหม่
สูตรปุ๋ยน้ำชีวภาพพ่น/ราดพื้น :
** อัตราการใช้ต่อน้ำ 200 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทุกๆ 7-15 วัน
-ปุ๋ยบำรุงต้น - ใบ 900 - 1000
ซีซี. (ปุ๋ยหมักปลาหรือหมักจากส่วนสีเขียวของพืช)
-ปุ๋ยบำรุงดอก-ผล 100 - 200 ซีซี. (ปุ๋ยหมักจากผลไม้สีเหลืองหรือผลไม้อื่นๆ )
-น้ำส้มควันไม้ 200- 250 ซีซี.
การให้ปุ๋ยทางใบและสมุนไพร ไล่แมลง : พ่นปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรบำรุงต้น ใบ (ปุ๋ยหมักปลาหรือหมักจากส่วนสีเขียวของพืช) ให้มังคุดจนกระทั่งใบแก่แล้วจึงเปลี่ยนไปใช้สูตรเร่งตาใบที่หมักจากยอดพืชกับสมุนไพรไล่แมลงเพื่อควบคุมจัดการไม่ให้แมลงรบกวนใบอ่อน
สูตรปุ๋ยน้ำชีวภาพพ่นใบ
**อัตราต่อน้ำ 200 ลิตร ทุกๆ 15 วัน
- ปุ๋ยบำรุงต้น-ใบ หรือปุ๋ยเร่งตาใบ 300 - 500 ซีซี.
- สมุนไพรไล่แมลง 300 - 500 ซีซี.
- น้ำส้มควันไม้ 200 - 250 ซีซี.
*กรณีที่ฝนตกชุก ทรงพุ่มแน่นทึบอาจเกิดเชื้อราได้ให้เพิ่มสมุนไพรกันราเข้าไปในส่วนผสมด้วย
- ปุ๋ยเร่งตาใบ 300 - 500 ซีซี.(ปุ๋ยหมักจากส่วนยอดของพืช)
- สมุนไพรไล่แมลง 200 - 300 ซีซี.
- สมุนไพรกันรา 200 - 300 ซีซี.
- น้ำส้มควันไม้ 100 - 200 ซีซี.
(ถ้าไม่มีสมุนไพรกันราสามารถเพิ่มใช้น้ำส้มควันไม้ลงไปทดแทนได้ แต่อัตราความเข้มข้นรวมไม่ควรเกิน 1000 ? 1200 ซีซี. ต่อน้ำ 200 ลิตร)
** กรณีใช้ปุ๋ยปลาควรระวังเรื่องความเข้มข้นให้มากเนื่องจาก ส่วนใหญ่ปลาที่ใช้ในภาคตะวันออกมักจะใช้ปลาทะเลซึ่งมีความเค็มมาก อาจทำให้ใบไหม้ได้
โพสต์โดย : POK@