ทำความรู้จักกับประโยชน์ และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา
ทำความรู้จักกับประโยชน์
และวิธีการปลูก ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตา (Pea/Green pea) เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่วที่นิยมนำส่วนต่างๆ มาบริโภค อาทิ ฝักอ่อน ยอดอ่อน เมล็ดสด และเมล็ดแห้ง โดยเฉพาะฝักอ่อนที่นิยมปลูกเพื่อนำมาปรุงอาหาร และเมล็ดถั่วแห้งที่แปรรูปเป็นถั่วคั่ว และแป้งจากถั่ว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ลำต้น
ถั่วลันเตามีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ที่มีลำต้นหลัก และแตกกิ่งสาขาตามข้อของลำต้น ลำต้นหลักสามารถยาวได้มากกว่า 2 เมตร
2. ใบ
ใบถั่วลันเตาเป็นใบประกอบ มีก้านใบหลักแทงออกบริเวณข้อของลำต้น ประกอบด้วยหูใบ 1 คู่ มีลักษณะเรียบหรือหยักลึก โดยมีใบย่อยออกเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีสีเขียว โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ มีขนขนาดเล็ก มีเส้นใบชัดเจน
3. ดอก
ดอกถั่วลันเตาออกเป็นช่อ ช่อละ 1-3 ดอก แทงออกบริเวณระหว่างโคนใบของข้อในลำต้น พันธุ์ที่ออกดอกเร็วจะออกดอกแรกบริเวณข้อที่ 5-11 ส่วนพันธุ์ที่ออกดอกช้าจะออกบริเวณข้อที่ 13-15 ดอกที่พบมี 2 สี คือ สีขาว และสีม่วง ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และกลีบดอก 3 กลีบ คือ
– กลีบดอก Standard เป็นกลีบที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ด้านบนสุดของดอก ดอกตูมที่ยังไม่บานจะมีกลีบดอกชนิดนี้ห่อหุ้มดอกทั้งหมด แต่เมื่อดอกบาน กลีบหุ้มนี้จะคลี่ออก และปลายกลีบโค้งออกด้านหลัง
– กลีบดอก Wing เป็นกลีบดอกที่มีขนาดเล็กรองลงมา ประกอบด้วย 2 กลีบ อยู่ด้านข้างดอก
– กลีบดอก Keel เป็นกลีบดอกเรียวยาวคล้ายหลอด อยู่บริเวณด้านในสุด ทำหน้าที่ห่อหุ้มเกสร เกสรประกอบด้วยเกสรเพศผู้ 10 เส้น โดย 9 เส้น เรียงล้อมรอบรังไข่ ส่วนอีก 1 เส้น มีขนาดสั้นกว่า จะแยกตัวอยู่อิสระ ส่วนเกสรเพศเมียจะอยู่ตรงกลางสุดของดอกที่เป็นรังไข่แบนยาว สีเขียว ก้านชูเกสรโค้งยาว
4. ฝัก และเมล็ด
ฝักถั่วลันเตาอ่อนมีลักษณะสีเขียว แบนเรียบ แต่จะนูนเฉพาะบริเวณของเมล็ด เมื่อฝักโตจะมีลักษณะอวบนูนทั้งฝัก มองไม่เห็นส่วนของเมล็ด ฝักจะโค้งคล้ายดาบ เมล็ดภายในฝักมีประมาณ 5-7 เมล็ด ขึ้นอยู่กับพันธุ์
• ฝักอ่่อนนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู เช่น ผัดผัก ผัดหมูถั่วลันเตา รวมถึงนำมาลวกหรือรับประทานสดเป็นผักจิ้มน้ำพริก
•ยอดอ่อนนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือ ใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงเลียง แกงจืด เป็นต้น
• เมล็ดสด
– ใช้ปรุงอาหารจำพวกผัด ทอดต่างๆ
– ใช้แปรรูปเป็นถั่วลันเตากระป๋อง ถั่วลันเตาแช่แข็ง
• เมล็ดแห้ง
– ใช้คั่วเกลือรับประทานเป็นอาหารว่าง
– ใช้ผลิตแป้งจากถั่วลันเตา
• ต้น และใบถั่วลันเตา ใช้เป็นอาหารสัตว์ ใช้เป็นแหล่งอาหารหยาบสำหรับเสริมโปรตีน
ถั่วลันเตาสามารถเติบโต และทนต่อสภาพดินทุกชนิดได้ดี แต่ชอบดินร่วนปนดินเหนียว การระบายน้ำดี เป็นกรดเล็กน้อย ระดับ pH 5.5-6.8 ดินมีความชื้น ไม่ชอบดินแห้ง และแล้ง เพราะเป็นพืชที่ไม่ทนต่อสภาพขาดน้ำ แต่ไม่ชอบดินที่มีน้ำท่วมขังหรือแฉะเกินไป ชอบอากาศเย็น จึงนิยมปลูกในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิระหว่าง 10-27 องศาเซลเซียส
การเตรียมดินแปลงปลูก
ถั่วลันเตามีระบบรากลึกในดินตื้น การเตรียมดินควรไถดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วตากดิน 5-7 วัน พร้อมกำจัดวัชพืช หลังจากนั้น ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ เพื่อปรับสภาพดิน และเพิ่มแร่ธาตุดิน แล้วไถพรวนดินอีกครั้ง พร้อมยกแปลงกว้าง 70-80 เซนติเมตร สำหรับแถวเดียว และกว้างประมาณ 140-150 เซนติเมตร สำหรับแถวคู่ ส่วนความยาวตามความเหมาะสม และให้เว้นร่องทางเดินประมาณ 50 เซนติเมตร ในระหว่างแถว หากดินเป็นกรดจัด โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกในภาคกลางตอนล่าง ควรใส่ปูนขาวร่วมกับการหว่านปุ๋ยคอก
การปลูก
เมล็ดพันธุ์ที่ใช้จะใช้ประมาณ 5-8 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก ให้แช่น้ำ 1 คืน และคลุกด้วยยากันเชื้อรา สำหรับหลุมปลูกจะใช้วิธีการขุดหลุมหรือเป็นร่องยาวตื้นพอกลบเมล็ดได้ ลึกประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร พร้อมโรยด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กก./ไร่ การหยอดเมล็ดจะใช้เมล็ดหลุมละ 3-4 เมล็ด ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30 เซนติเมตร กลบด้วยหน้าดิน และคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
หลังจากปลูก 3-5 วัน เมล็ดถั่วลันเตาจะเริ่มงอก เมื่อต้นอ่อนมีใบจริง 3-5 ใบ หรือสูงประมาณ 8-10 เซนติเมตร ให้ถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง โดยให้เหลือเพียงหลุมละ 2 ต้น หรือหากเป็นการหยอดแบบไม่เป็นหลุมให้ถอนเหลือต้นเดียวตามระยะที่เหมาะสม
เมื่อต้นถั่วมีอายุ 15-20 วัน หรือสูง 15-20 เซนติเมตร ถั่วจะเริ่มมีมือเกาะ วึ่งระยะนี้ต้องทำค้างให้ถั่วเกาะ โดยใช้ไม่ไผ่ ขนาด 2 นิ้ว ยาว 1.5 – 2 เมตร ปักระหว่างหลุม ระยะห่าง 2-3 เมตร แล้วรัดโยงด้วยเชือกหรือลวดเป็นชั้นๆ 4-6 ชั้น และอาจรัดโยงในแนวดิ่งด้วยก็ได้
การให้น้ำ
การให้น้ำจะให้เพียงวันละ 1 ครั้ง ในระยะ 1-2 เดือนแรก และค่อยลดเป็น 2-3/ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความชื้นในดิน แต่ละครั้งที่ให้น้ำควรให้เพียงหน้าดินชุ่ม ไม่ควรให้น้ำมากจนดินแฉะ อาจให้โดยวิธีปล่อยน้ำไหลตามร่อง แต่จะเปลืองน้ำหรือแบบสปริงเกอร์
การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยที่ใส่ คือ สูตร 15-15-15 ในอัตรา 30 กก./ไร่ ใส่ในที่ถั่วลันเตาเริ่มออกดอก โดยโรยปุ๋ยตามแนวยาวของแถวทั้ง 2 ข้าง ระยะห่างจากโคนต้น 8-10 เซนติเมตร พร้อมพรวน
ดินกลบปุ๋ย และรดน้ำตาม
การพรวนดิน และกำจัดวัชพืช
การพรวนดิน และกำจัดวัชพืช ควรทำทุกๆ 2 อาทิตย์ จนต้นถั่วสูงได้ 30-50 ซม. แล้วจึงหยุด วึ่งช่วงนี้ต้นถั่วจะสามารถแข่งเติบโตกับวัชพืชอื่นได้ดีแล้ว
การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยวของถั่วลันเตามีความแตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ โดยทั่วไปจะใช้เกณ์ ดังนี้
– อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 60-90 วัน หลังปลูก
– อายุการเก็บเกี่ยวจากจำนวนวันหลังดอกบาน 5-7 วัน
– ระยะการเก็บเกี่ยวจากความหนาของฝัก พันธุ์ฝักเล็ก หนา 0.44-0.68 เซนติเมตร พันธุ์ฝักใหญ่ หนา 0.53-0.64 เซนติเมตร
– ลักษณะฝักอวบ สีเขียวอ่อน เปราะกรอบ ไม่เหนียว
การเก็บฝักอ่อนถั่วลันเตา ควรเก็บเกี่ยวฝักสดวันเว้นวัน โดยทั่วไปมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวนาน 30-60 วัน ซึ่งต้องเก็บในระยะฝักอ่อนที่เต็มไปด้วยน้ำตาล หากฝักแก่ น้ำตาลจะถูกเปลี่ยนเป็นแป้งทำให้ความหวานลดลง และมีเส้นใย และความเหนียวมากขึ้น
โรคและแมลง
1. โรคราแป้ง
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา Uromyces fabae Pers เกิดได้ในทุกระยะ และเกิดกับทุกส่วนของพืช พบมากบริเวณใบ มีอาการที่พบ คือ มีจุดสีขาวกระจายทั่วในส่วนต่างๆ ต่อมามีการสร้างเส้นใย และสปอร์สีขาว มองเห็นคล้ายแป้งฝุ่นขึ้นมากมาย หากเกิดที่ใบ ใบจะเหลืองซีดมีสีน้ำตาลทำให้สังเคราะห์แสงไม่ได้ ทำให้ลำต้นถั่วแคระแกร็น ออกดอก และติดฝักน้อย หรือหากเกิดมากลำต้นจะเหี่ยวตาย
• การป้องกันกำจัด
– แช่เมล็ดก่อนปลูก ด้วยไตรโฟลีนละลายน้ำที่ 20 มก./20 ลิตร หรือ เบนโนมิล 10 กรัม/20 ลิตร นาน 12 ชั่วโมง
– การฉีดพ่นในระยะเติบโต ด้วยสารซัลเฟอร์ ( 80% WP) ละลายน้ำที่ 5-15 กรัม/20 ลิตร และฉีดพ่นซ้ำในระยะ 5-7 วัน
2. โรคเหี่ยว
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา มีอาการ คือ พบใบเหลืองบริเวณใบล่าง แล้วลามขึ้นใบด้านบน ทำให้ใบเหลือง และแห้งตายทั้งต้น ลำต้นบริเวณเหนือดินมักเกิดสีแดง หรือสีคล้ำกว่าส่วนอื่น มักเกิดเมื่อต้นถั่วอายุประมาณ 1 เดือน และมักพบในดินที่มีสภาพเป็นกรดจัด และความชื้นสูง
• การป้องกันกำจัด
– การเตรียมดินควรโรยด้วยปูนขาว อัตรา 200-400 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมด้วยกับปุ๋ยอินทรีย์ 2-3 ตัน/ไร่
– การเกิดโรคในระยะเติบโต ให้รดโคนต้นและบริเวณรอบต้นด้วยน้ำปูนใสรด
3. แมลงวันเจาะ
เป็นแมลงวันขนาดเล็ก ลำตัวมีสีดำ ชอบวางไข่บนใบถั่ว เมื่อไข่ฝัก ตัวอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ใบเป็นรอยแผล หากระบาดมากใบจะเหี่ยวเหลือง ทำให้ลำต้นแห้งตายได้
• การป้องกันกำจัด
– ระยะเตรียมแปลงควรโรยหรือฉีดพ่นด้วยพอสซ์ (25%ST) หรือฉีดพ่นด้วยฟิโปรนิล (5%SC) หลังเมล็ดงอก 3-5 วัน
โพสต์โดย : POK@