Social :



กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรสวนเงาะ ระวังการเกิดโรคราแป้งในผลอ่อน

13 พ.ค. 62 11:05
กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรสวนเงาะ ระวังการเกิดโรคราแป้งในผลอ่อน

กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรสวนเงาะ ระวังการเกิดโรคราแป้งในผลอ่อน

กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรสวนเงาะ
ระวังการเกิดโรคราแป้งในผลอ่อน

อากาศร้อน  และมีฝนตกในบางพื้นที่ระยะนี้    กรมวิชาการเกษตร   เตือน เกษตรกรชาวสวนเงาะ เฝ้าระวังการเกิด โรคราแป้ง   มักพบได้ในระยะที่ต้นเงาะสร้างช่อดอกและเริ่มติดผลอ่อน  เริ่มแรกจะพบผงสีขาวหรือสีเทาอ่อนคล้ายแป้งเกาะบนช่อดอกและตามร่องขนของผลเงาะ  ทำให้ต้นเงาะติดผลน้อยหรือไม่ติดผล กรณีที่ต้นเงาะติดผลจะมีผลขนาดเล็กไม่สมบูรณ์  ผลหลุดร่วงง่ายหรือทำให้ผลเน่าแห้งติดคาที่ก้านช่อ หากเป็นโรคราแป้งในระยะผลโต จะทำให้ขนที่ผลแห้ง แข็ง ผิวผลมีสีคล้ำไม่สม่ำเสมอ ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้ขนกุด  เรียกว่า เงาะขนเกรียน  สำหรับในระยะที่ผลเงาะกำลังสุก  ส่วนที่มีเชื้อราปกคลุมจะมีสีซีดกว่าปกติ  อาจพบอาการของโรคได้ที่ส่วนยอดและใบ  หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบอ่อนร่วง


สำหรับแนวทางในการป้องกันโรคราแป้ง  ให้เกษตรกรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก  และตัดแต่งทรงพุ่มต้นเงาะให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก  เพื่อเป็นการลดความชื้นในทรงพุ่ม  และลดแหล่งสะสมของเชื้อสาเหตุโรค  จากนั้น  เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรค ให้เกษตรกรตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก  เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรค  ส่วนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตรเมื่อใช้ในแปลงที่มีการระบาดแล้ว  เกษตรกรควรนำเครื่องมือมาทำความสะอาดด้วยการล้างและผึ่งแดดให้แห้งก่อนนำกลับไปใช้ในแปลงทุกครั้ง

Lif
กรณีพบการระบาดของโรคราแป้ง  ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชสารซัลเฟอร์  80%  ดับเบิ้ลยูพี  อัตรา  30  กรัมต่อน้ำ  20  ลิตร  หรือสารไตรโฟรีน  19%  อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ  20  ลิตร  หรือสารเบโนมิล  50%  ดับเบิ้ลยูพี  อัตรา  10  กรัมต่อน้ำ  20  ลิตร  และควรหยุดพ่นสารก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างน้อย  15  วัน หลีกเลี่ยงการพ่นสารในช่วงที่ดอกเงาะบานหรือเริ่มติดผลอ่อน  เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแมลงช่วยผสมเกสร สำหรับสารซัลเฟอร์ ไม่ควรพ่นในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนหรือมีแดดจัด  เพราะอาจทำให้เกิดอาการไหม้ที่ช่อดอกและผลอ่อนได้




โพสต์โดย : POK@