ตีตั๋วจองท้ายกระบะกันเลยทีเดียวค่ะ สำหรับการเดินทางเที่ยวสังขละบุรี เหตุเพราะคนเกินจำนวนที่นั่งส่วนหน้าของรถกระบะ พี่คนหนึ่งที่อาสาขับรถให้ทุกทริปเลยเสนอมาว่า ใครนั่งกระบะ เดินทางฟรี! ได้ยินเรื่องของฟรีทีไร แล้วใจมันพองโต ยังไม่ทันที่ใครจะอ้าปากพูด เราก็ยกมืออาสา หนูขอนั่งท้ายกระบะเองค่ะ
กว่าล้อจะหมุนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนของวันศุกร์สุดสัปดาห์ อากาศกำลังดี วิวหลังกระบะมันได้ฟิลล์ที่ชิลล์มาก ยิ่งออกนอกกรุงเทพฯ อากาศยิ่งเย็นสดชื่น นั่งกินลมไปได้สักพักก็หนังท้องตึง แล้วเผลอหลับไป รู้สึกเย็นๆ อีกครั้งก็เมื่อรถมาจอดที่วัดวังก์วิเวกการาม ในช่วงเช้ามืด แต่ยังเที่ยวชมอะไรไม่ได้เพราะโบสถ์ยังไม่เปิด เลยต้องซึมซับบรรยากาศรอบๆไปก่อน
วัดวังก์วิเวการาม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะ เดิมมีที่ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน และเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะและชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและมอญได้ร่วมก้นสร้างขึ้น เมื่อปี 2496
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi
ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลมขึ้น ทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดด้วย นี่จึงเป็นเหตุให้มีการย้ายวัดวังก์วิเวการามมาอยู่บนเนินเขา
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi
พอเกริ่นถึงเรื่องราวความเป็นมาของวัดวังก์วิเวการามทั้งเก่าและใหม่แล้ว ขบวนของเราก็พร้อมออกเดินทางไปพิสูจน์มนต์เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ใต้บาดาลนั้นมานานนับสิบปี
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi
เราติดต่อเช่าเรือแถวๆสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ จากนั้นก็ออกเดินทางกันแต่เช้า ระหว่างทางเราจะเห็นวิถีชาวบ้าน ความเป็นอยู่ ที่มีคู่กับสายน้ำมาช้านาน
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี – Sangklaburi โดย Lakfoto.com
ไม่นานนักเรือก็พาเรามาถึงจุดหมายหลัก ภาพของอุโบสถ หอระฆัง และร่องรอยของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เมื่อในอดีตก็เด่นชัดตรงหน้า
ภาพจากเว็บการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
หากจะไปดูวัดใต้บาดาลแห่งนี้ให้เข้าถึงภายในตัวอุโบสถ และสามารถเดินเที่ยวชมได้โดยทั่ว ควรไปในช่วงฤดูแล้ง ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งน้ำจะลดลงเยอะ
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi
แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่เดือน ที่วัดใต้บาดาลแห่งนี้จะเผยโฉมให้ผู้คนเข้าไปสัมผัส และค้นหาความเล้นลับที่ถูกซ่อนอยู่ใต้น้ำมานานแรมเดือน แต่ในแต่ละวัน ที่แห่งนี้ก็ยังไม่ขาดซึ่งการมาเยือนและเสียงบอกเล่าเรื่องราวที่ผู้รู้บอกต่อให้กับผู้มาใหม่
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi โดยคุณ TheDark Intangible Intangible
หากเมื่อฤดูฝนมาเยือน วัดแห่งนี้ก็จะค่อยๆซ่อนตัวภายใต้บาดาลอีกครั้ง จนเมื่อน้ำท่วมสูงเต็มที่ตัววัดทั้งหมดจะจมหายไป เหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen เมืองบาดาล หนึ่งเดียวในสังขละบุรี
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi โดย Lakfoto.com
การมาเยือนเมืองบาดาลแห่งนี้ เราจะสัมผัสได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองและความงดงามของสถาปัตยกรรมในอดีต ที่แม้จะจมอยู่ใต้น้ำมานาน แต่ก็มีกลิ่นอายที่น่าสนใจชวนให้หลายคนอยากไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ภาพจากเฟสบุกสังขละบุรี - Sangklaburi โดย Lakfoto.com
หากใครอยากมาชมความแปลกตาและความมหัศจรรย์ของวัดใต้บาดาลกลางน่านน้ำ ยังสามารถไปได้อยู่นะคะ เพราะน้ำยังไม่ขึ้นเต็มที่นัก โดยติดต่อเช่าเรือหางยาวบริเวณสะพานไม้ ซึ่งมีเรือให้บริการหลายลำ ราคาลำละ 300 บาท นั่งได้ 5 - 7 คนค่ะ
ขอบคุณภาพจากเว็บการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และเฟสบุก สังขละบุรี - Sangklaburi
