ดำเนินการอย่างจริงจัง-ตรงไปตรงมา “รังสิมันต์” ชี้ สว.ปกป้อง “อุปกิต”
“รังสิมันต์” ชี้ สว.ปกป้อง “อุปกิต” หลังมีมติไม่อนุญาตออกหมายเรียก ปม พัวพันยาเสพติด หวัง ผบ.ตร.คนใหม่ ดำเนินการอย่างจริงจัง-ตรงไปตรงมา
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีมติ 174:7 เสียง ไม่อนุญาตให้มีการออกหมายเรียกตัว และส่งตัว นายอุปกิต ปาจรียางกูร สว.ไปทำการสอบสวน ในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่ นายอุปกิต ดำรงตำแหน่งเป็นสว. ทั้งนี้ถือเป็นคดีที่มีน้ำหนัก ที่จะเชื่อได้ว่า สว. อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้
เนื่องจากก่อนที่ศาลจะมีการพิจารณาออกหมายจับ จะต้องมีการนำเสนอพยานหลักฐาน ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งหากศาลเห็นว่าสามารถออกหมายจับได้ ก็แสดงว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง แต่ที่ไม่ออกหมายจับอาจเป็นเพราะมีการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการแทรกแซงการออกหมายจับ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อัยการสูงสุดก็มีคำสั่งแจ้งข้อหาสมคบค้ายา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ การดำเนินคดีกับสว. หากไม่สุดจริง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าความเป็นมาของสว.ไม่ธรรมดา ฉะนั้นการดำเนินคดีกับบุคคลที่ไม่ธรรมดาต้องมีพยานหลักฐาน ที่รอบคอบ ซึ่งตนคิดว่าหากมีคำสั่งเช่นนี้ และ ทางสว. ตัดสินใจที่จะไม่ส่งตัวนายอุปกิต ไปรับการแจ้งข้อกล่าวหา เท่ากับว่าสว. กำลังปกป้องคนที่ค้ายาหรือไม่ ทั้งนี้การปกป้องเราต้องไม่ลืมว่า ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ทำลายลูกหลาน ไม่ว่าใครก็รู้ว่าวันนี้ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง
ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่ายาเสพติด ที่นายอุปกิตเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นมีมากน้อยแค่ไหน หากมีจำนวนมากทำลายอนาคตเยาวชนและประเทศขนาดนี้ ตนไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆว่า สว. จะปกป้องนายอุปกิตทำไม และนายอุปกิต ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ไม่ใช่ใช้กลไกของสภา ในการยื้อไว้เช่นนี้ เพราะไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับประเทศไทยเลย
“ที่ผ่านมาผมคิดว่า เวลาที่ สว. บอกโหวตเลือกนายกฯต้องดูเลือกคนนั้นคนนี้ด้วยความละเอียดรอบคอบ บางคนก็กลัวจะเสียเครื่องราชย์ฯ ที่เคยได้รับมา หากไปเลือกคนไม่ดี แต่วันนี้ พวกท่านกำลังปกป้องคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทำลายประเทศ และทำลายอนาคตของลูกหลานผ่านยาเสพติด หากในอนาคตปรากฎว่านายอุปกิตเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง สว.ทั้งหมดที่โหวตปกป้อง จะรับผิดชอบอย่างไร กับการที่ทำให้การบวนการยุติธรรมข้าลง” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอุปกิต ระบุว่า นายรังสิมันต์ใส่ร้าย และด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถไปด้อยค่าใครได้ นอกจากแต่ละคนทำตัวกันเอง และต้องบอกว่ากรณีที่ตนอาจมีการพาดพิงผู้พิพากษานั้น สุดท้ายก็มีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงรวมไปถึงการแจ้งข้อกล่าวหายาเสพติด ต่อนายอุปกิต ก็เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ซึ่งตนไม่สามารถแทรกแซงได้ สิ่งที่ตนทำได้คือการตรวจสอบ และส่งเสียงให้สังคมรับรู้ ฉะนั้นตนไม่ได้ด้อยค่าใคร แต่ทุกอย่างอยู่ที่พยานหลักฐานที่เกิดขึ้น และผู้มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องนี้
“การที่นายอุปกิตอ้างว่าผมไปด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม เผลอๆนายอุปกิตเองที่เป็นคนด้อยค่า การที่ใช้ความคุ้มกัน สว. และไม่เอาสู่กระบวนการทางอาญาทั้งที่ถือว่าเป็นโทษที่ร้ายแรง ซึ่งหากภายหลังพบว่ามีความผิด ก็ถือว่านายอุปกิตมีความผิดทางจริยธรรมไปด้วย ความผิดที่ร้านแรงเช่นนี้ และใช้สว. เป็รที่คุ้มกัน ใครกันแน่ที่ด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม ใครกันแน่ที่ด้อยค่าระบบนิติบัญญัติ” นายรังสิมันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น นายรังสิมันต์ เผยว่า คงต้องมีการพิจารณา แต่เมื่อหมดสมัยประชุม ตนหวังว่า พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเอาผิดกับคน ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และหวังว่าเจ้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จะดำเนินการให้นายอุปกิตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สิ่งที่ตนต้องการมากที่สุดคือ ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด
ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews
โพสต์โดย : monnyboy