Social :



ไม่เปลี่ยนใจ “จุลพันธ์” ย้ำเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต

10 ต.ค. 66 06:10
ไม่เปลี่ยนใจ “จุลพันธ์” ย้ำเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต

ไม่เปลี่ยนใจ “จุลพันธ์” ย้ำเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต

“จุลพันธ์” ย้ำเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตบอกเงื่อนไขแหล่งที่มาชัดสิ้นเดือนนี้ พร้อมประชุมคณะอนุกรรมการนัดแรก 12 ต.ค. ส่วน 24 ต.ค.ประชุมนัดใหญ่
 

 


ด้าน เผ่าภูมิบอก นโยบายนี้ต่างกับการแจกเงินแบบเก่า ชี้ต้องเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ส่วน ปลัดคลัง ขอเชื่อมั่นวินัยการเงินการคลัง เทียบนโยบายการเงิน การคลัง เหมือนขับรถยนต์ ต้องมีจังหวะ ถึงจะนุ่มนวล ปลอดภัย

 



นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง แถลงข่าวความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

 

 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รู้สึกดีที่ที่สังคมได้มีการถกเถียงกันกันประเด็นนโยบายดังกล่าว ทั้งภาควิชาการและภาคเอกขน ในการเปิดกว้างทางความคิด ซึ่งเราไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในลักษณะนี้ในรัฐบาลก่อนหน้า ทั้งที่หลายนโยบายก็เป็นที่ถกเถียงกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้สภาวะของประเทศไทย ยังไม่เติบโตเต็มศักยภาพ ดังนั้นนโยบายเติมเงินในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่งถึง สร้างโอกาสในการลงทุน นำไปสู่การจ้างงาน สร้างอาชีพ รัฐได้เงินคืนในรูปแบบภาษี เป็นการวางรากฐานด้านดิจิทัล มุ่งสู่ความเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(e-Government) ที่สมบูรณ์แบบ




ซึ่งนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประกาศไว้ที่รัฐสภา สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเราต้องเดินหน้าโครงการนี้ให้สำเร็จ ยืนยันว่าตัวเงินที่จะใช้ในโครงการดังกล่าวไม่ใช่การเสกขึ้นมาใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย เงินเหล่านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในมูลค่า เป็นเพียงเงินที่ใช้ในระบบดิจิทัล ด้วยเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ส่วนแหล่งที่มาอยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันว่ารัฐบาลยึดมั่นในหลักวินัยการเงินการคลัง ซึ่งหากดูการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต เรายึดหลักการนี้มาตลอด จะใช้ประสบการณ์ที่มีให้มากที่สุด จะใช้แหล่งงบประมาณเป็นหลัก ส่วนรายละเอียดจะชัดเจนในช่วงสิ้นเดือนต.ค.นี้

 

ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงรัศมีที่จะใช้ในโครงการดังกล่าวนั้น เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ว่ามีความโน้มเอียงที่จะขยายกรอบหรือไม่ จะมีข้อสรุป ในช่วงสินเดือนนี้เช่นกัน ยืนยันว่า จะรับฟังเสียงจากทุกภาคส่วน ความเห็นนทั้งหมด จะถูกนำไปหารือในชั้นอนุกรรมการ ส่วนข้อสะท้อนถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หากยึดการเติบโตแค่ 2% ประชาชนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ จึงจำเป็นต้องทำให้เติบโตอย่างเหมาะสม

 

ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการ นัดถัดไปจะมีขึ้นในวันพฤหัสที่ 12 ต.ค.นี้ และจะมีการแถลงข่าว ความคืบหน้าหลังการประชุม จากนั้นนัดประชุมครั้งที่ 2 วันพฤหัสที่ 19 ต.ค. และคาดว่าในวันอังคาร ที่24 ต.ค.จะสามารถนำข้อมูลเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ชุดใหญ่ได้



Lif


 

ด้านนายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ในเชิงวิชาการ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา และทุกคำถามของสังคมในเวลานี้จะเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อหารือกันต่อไป และขอให้เหตุผลคร่าวๆ ว่า เนื่องจากนโยบายนี้เป็นการเติมเงินแบบมีเงื่อนไข จะเปรียบเทียบกันไม่ได้ในแง่ของผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเป็นแบบดิจิทัลไม่ใช่อนาล็อก ง่ายกว่าเร็วกว่าปลอดภัยสูงกว่า จึงไม่สามารถใช้ตัวเลขในอดีตมาคำสวน ผลกระทบได้ อีกทั้งมีเม็ดเงินสูงถึง 10,000 บาท ดังนั้นไม่ใช่แค่กระตุ้นการบริโภคแต่เป็นการกระตุ้นการลงทุน ลงทุนขนาดเล็ก ในระดับหมู่บ้าน ชุมชน รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งหมดคิดเป็นผลบวกด้านเศรษฐกิจ

 

นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมองไปถึงโครงสร้างทางดิจิทัล เกิดมูลค่ามหาศาล หากจะมองแต่เพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่ครบถ้วน ทั้งนี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่นโยบายเดียว ยังมีอีกหลายนโยบายที่จะตามมา นอกจากนี้ ต้องพูดถึง คือความแตกต่างทางความมามีเสถียรภาพภาพ และ ศักยภาพ จึงเป็นแนวคิดให้เราเติบโตอย่างมีเสถียรภาพอย่างเต็มศักยภาพ

 



ในช่วงท้าย นายจุลพันธ์ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึง กรณีที่อาจจะมีการตัดคนบางกลุ่มผู้มีรายได้สูง ออกจากนโยบายนี้ รวมถึงการแบ่งจ่ายนายจุลพันธ์ย้ำว่า มีการรับฟังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าแต่ละกลุ่มมียอดเท่าไหร่ ยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะนี้ขอให้รอ และจะดูว่าปรับอย่างไรโดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับวัตถุประสงค์ของนโยบาย และสามารถตอบโจทย์ได้ ส่วนเป้าหมายกลุ่มเปราะบางนั้น ยืนยันว่า กลุ่มเปราะบางได้อย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มที่มีกำลัง อาจจะต้องพิจารณาความเหมาะสมครั้งหนึ่ง และเชื่อว่ากลุ่มที่มีรายได้สูง อาจจะไม่ได้มีความต้องการที่จะเข้าร่วมโครงการ

 

ส่วนแหล่งที่มาของเงิน นายจุลพันธ์ ระบุว่า มีหลายตัวเลือก ต้องใช้กลไกให้เหมาะสม และก่อประโยนข์สูงสุด

 

นายจุลพันธ์ ย้ำอีกว่า จะเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่ และประชาชนอยากเห็นนโยบายนี้เดินหน้าไปไปได้ และจะพยายามให้มากที่สุด พิจารณาบนกรอบของกฎหมาย ไม่เป็นภาระของงบประมาณ ส่วนจะเป็นการแจกแบบเหวี่ยงแห่ หรือ ปรับเงื่อนไข หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราจะรับฟังทุกความคิดเห็นส่วนจะออกมาเป็นอย่างไรสิ้นเดือนนี้คงรู้กัน อย่างไรก็ตามขณะนี้มีการทบทวนงบประมาณปี 2567 มีการส่งคำขอกลับเข้าไปที่สำนักงบประมาณ ซึ่งต้องมาดูในรายละเอียดว่าตรงไหนเป็นไขมันส่วนเกิน และจะมีการปรับลด เพื่อบริหารจัดการให้เม็ดเงินได้ใช้ประโยชน์สูงสุด และส่วนหนึ่งก็จะนำมาใช้ในโครงการที่เป็นประโยชน์อื่นๆของรัฐ ไม่ใช่แค่นโยบายเดียว

 

ด้านนายลวรณ กล่าวว่า ขอให้เชื่อมั่นใน ความเป็นมืออาชีพของกระทรวงการคลังในการรักษาวินัยการเงินการคลัง พร้อมชี้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ถือว่าไม่ผิด ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาล พร้อมชี้ว่านโยบายการเงินและนโยบายการคลังต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน วันนี้นโยบายการคลังอาจจะเน้นเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินเน้นที่เสถียรภาพ ทั้งสองเรื่องจะต้องไปด้วยกัน เปรียบเหมือนการขับรถยนต์ นโยบายการคลังเหมือนคันเร่ง นโยบายการเงินเป็นการเบรกเราต้องมีจังหวะในการขับรถที่ไปด้วยกัน ต้องรู้ว่าเบรกเมื่อไหร่ไปเมื่อไหร่ การขับรถคันนี้ถึงจะนุ่มนวลและปลอดภัย เราคงไม่อยากเห็นการเหยียบคันเร่งและการเบรกไปพร้อมๆกันเพราะจะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศนี้ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของตนที่จะพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีความใกล้ชิดกันอยู่แล้ว จะได้เข้าใจถึงความตั้งใจของรัฐบาล

 

 

 ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy