Social :



เศรษฐกิจของไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ “เศรษฐา” ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล 1หมื่น

08 พ.ค. 66 21:05
เศรษฐกิจของไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ “เศรษฐา” ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล 1หมื่น

เศรษฐกิจของไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ “เศรษฐา” ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล 1หมื่น

“เศรษฐา” ปล่อยคลิปแจงกระเป๋าดิจิทัล 1หมื่น มั่นใจสร้างงาน สร้างโอกาส สร้างรายได้ ปั๊มหัวใจเศรษฐกิจของไทยให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
 

 

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์วิดีโอผ่านโซเชียลมีเดีย โดยพูดถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เปรียบเทียบให้เห็นเศรษฐกิจไทยที่กำลังวิกฤต ไม่ต่างจากคนไข้ที่เข้าขั้นโคม่า ถ้าเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน จำเป็นต้องอัดฉีดเงินจำนวนมากเพียงพอให้เข้าไปหมุนเวียนในระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของห่วงโซ่เศรษฐกิจ

 

ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของการส่งผ่านมูลค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถทำได้ผ่านกระเป๋าเงินดิจิตอล เพราะสามารถตั้งโปรแกรมกำหนดพื้นที่ใช้จ่าย และระยะการใช้ที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน และสามารถหมุนเวียนกระจายความเจริญออกไปทุกหัวระแหงของประเทศไทย


 

ทั้งนี้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ก็สามารถรับสิทธิ์ในการใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาทได้ทันที โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อได้สิทธิในการใช้เงินดังกล่าว, ใช้ซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น
Lif
เช่น อาหาร ของใช้ประจำวันหรือวัตถุดิบอุปกรณ์ประกอบสัมมาชีพ, ใช้ได้กับร้านค้าที่อยู่ในระยะ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่บัตรประชาชน และเงินดิจิทัลนี้มีอายุจำกัดต้องใช้ภายใน 6 เดือน

 

ซึ่งที่ผ่านมาการได้เงินสนับสนุนในรูปแบบเดิมนั้น เงินที่ได้เป็นเงินที่ไม่มีวันหมดอายุ ทำให้หลายคนไม่ยอมนำมาใช้ แล้วนำไปเก็บเป็นเงินออม ทำให้เป็นเงินเหล่านั้นไม่ถูกกระจายออกไป จึงไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุด แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเป็นการกระตุ้นตั้งแต่ฐานราก โดยเริ่มต้นจากคนในชุมชนให้จับจ่ายของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือซื้ออุปกรณ์สำหรับการประกอบอาชีพจากร้านค้าในชุมชน เมื่อยอดสั่งซื้อมากขึ้น ร้านค้าก็ต้องสั่งของจากโรงงานเพิ่ม และแน่นอนว่าโรงงานก็ต้องสั่งวัตถุดิบจากแหล่งผลิตมากขึ้นเช่นกัน เกิดการผลิตและการจ้างงานหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

 




นอกจากนี้ เงินดิจิทัลจะไม่ถูกใช้เฉพาะในเมืองใหญ่อย่างเดียว แต่จะเป็นการกระตุ้นในระดับชุมชนก่อนที่จะกระจายออกไปทั่วประเทศ เกิดการหมุนเวียนของเงินอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนก็จะมีงานทมีรายได้ และรัฐก็สามารถเรียกเก็บ VAT และภาษีเงินได้จากเม็ดเงินที่กระตุ้นกลับมา พร้อมทำการปั๊มหัวใจเศรษฐกิจที่กำลังจะหยุดทำงานให้กลับมาเต้นได้เหมือนเดิม เพื่อให้คนไทยกลับมายิ้มและอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน



ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy