กักตัวที่บ้านเห็นผล เตียงคนไข้เริ่มว่าง วอน! ผู้ป่วยโควิดกลุ่มเหลืองไปรักษาที่ รพ.
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงถึงการบริหารจัดการเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ค่อนข้างคงที่ราว 2 หมื่นต่อวัน โดยวันนี้มีผู้ป่วยใหม่ 18,501 รายซึ่งหากรวมการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ก็เกือบๆ 2 หมื่นราย ขณะที่ ผู้ป่วยหายเพิ่ม 20,606 รายก็มีส่วนหนึ่งเป็นการตรวจ ATK ที่ทำมาตรการแยกกักที่บ้าน( Home Isolation) เช่นกัน
ดังนั้น รายงานทั่วประเทศมีผู้ป่วยหายป่วยเริ่มมากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ ส่วนเตียงในต่างจังหวัดเริ่มตึง แต่ด้วยการบริหารที่เด็ดขาดโดยผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป รวมพลังและขยายเตียงไปที่ รพ.ชุมชนได้ ก็ปัญหาไม่มาก ก็ขอโฟกัสที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีเตียงว่าง เพราะมีการทำแยกกักที่บ้าน (HI) ระบบค่อนข้างไหลลื่นแล้ว
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รายงานว่าขยายคู่สาย 1330 เป็น 2,000-3,000 คู่สาย โดยข้อมูล ล่าสุดวันที่ 25 ส.ค. เวลา 18.22 น. ผู้แยกกักที่บ้านในกรุงเทพฯ ทั้งจากสายด่วน 1330 , จุดตรวจเชิงรุกด้วย ATK , ตรวจ RT-PCR หรือ ATK โดยสถานพยาบาล หรือการตรวจ ATK ด้วยตัวเอง ยอดสะสม 87,023 ราย ส่วนที่จับคู่สถานพยาบาล(PUC) ได้แล้ว 86,188 ราย แปลว่าระบบค่อนข้างไหลลื่น และหาสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วยแยกกักที่บ้านได้ ทั้งใน รพ. คลินิก มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร กรมการแพทย์ รพ.เอกชน รพ.ทหาร หรือ ตำรวจ
ดังนั้น ผู้ป่วยรายใหม่ของกทม. ประมาณวันละ 2,400 ราย มีผู้ยินยอมทำแยกกักที่บ้านวันละ 1,000 กว่าราย ซึ่งส่วนใหญ่จะจับคู่ได้ ส่วนสำคัญการทำแยกกักที่บ้าน ต้องมี 7 แยก ได้แก่ แยกนอน แยกกิน แยกอยู่ แยกใช้ แยกทิ้งขยะ แยกห้องน้ำ หรือใช้เป็นคนสุดท้ายและสุดท้ายคือ แยกอากาศ คือสวมหน้ากากอนามัย ต่างคนต่างอยู่
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนศูนย์พักคอยในชุมชน(Community Isolation) ในกทม. เปิดบริการแล้ว 64 แห่งจาก 70 แห่ง จำนวน 8,694 ราย ครองเตียง 3,410 ราย คงเหลือ 5,284 เตียง ทั้งนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 200 กว่าราย ทั้งนี้ การทำแยกกักที่บ้านหรือศูนย์พักคอยในชุมชน ก็เพื่อให้คนจำเป็นจริงๆ มีเตียงในรพ. หรือฮอสปิเทลตามจำเป็น ทั้งนี้ ระดับความรุนแรงของผู้ติดเชื้อตามรายงานจากผู้ปฏิบัติหน้างานระบุว่า ทั้งกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว สีเหลืองและสีแดง พบว่า หลังจากที่ทำมาตรการแยกกักที่บ้าน/ศูนย์พักคอยชุมชน จำนวนรอคอยเตียงจากสายด่วนก็ลงลด กลุ่มเหลืองและแดง ระยะเวลารอคอยดีขึ้น ส่วนใหญ่อยู่ที่ 24 ชั่วโมง
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนคำถามว่าจะมั่นใจอย่างไรว่าผู้ป่วยแยกกักที่บ้านจะได้รับการดูแลที่ดี ตนเคยย้ำว่าข้อเสียมี 2 ข้อคือ ผลเสียกับตัวผู้ป่วยเอง เช่นในต่างประเทศกรณีที่ไม่มีการติดตามผู้ที่แยกกักที่บ้าน พบว่ามีการเสียชีวิตที่บ้าน และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ สปสช.ที่มีอาหาร 3 มื้อ พร้อมชุดอุปกรณ์พื้นฐานให้ผู้ป่วย เช่น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว วัดไข้ หน้ากากอนามัย ถุงขยะ และยาตามอาการป่วย เพื่อติดตามผู้ป่วยด้วยเทเลเมด(Tele-medical) วันละ 2 ครั้งเป็นมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ได้รับการร้องเรียกว่าไม่ได้รับอาหาร 3 มื้อ ไม่มีการติดตามเทเลเมด เราจึงต้องมีการประเมินคุณภาพ โยกรมการแพทย์ ได้เชิญผู้แทน สปสช. และผู้แทนสถาบันรับรองคุณภาพของสถานพยาบาล(HA) ดูแลคุณภาพการแยกกักที่บ้านตามมาตรฐาน ซึ่งจะประเมินจากผู้ให้บริการและถามจากผู้รับบริการ ทั้งนี้ เพื่อรับประกันว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐาน โดยนำร่อง 3 รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ คือ รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน และ รพ.นพรัตนราชธานี ซึ่งหากเป็นไปได้ก็จะประเมินทุกแห่งในเครือข่าย
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ก็ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้พิการทางจิต ได้รับการดูแลจากรพ.ศรีธัญญา รพ.สมเด็จเจ้าพระยา , พิการทางกาย เรามีรพ.สนามอยู่ที่รพ.สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ และสถาบันราชนุกูล รวมถึงการทำแยกกักที่บ้านด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการ และ สำหรับผู้ติดเชื้อเด็ก จะมีศูนย์พักคอยที่ศูนย์สร้างสุขสมวัย โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ตอนนี้การรอเตียงของผู้ป่วยอาการสีเหลืองดีขึ้นเยอะ ส่วนสีแดงยังต้องรอคอยอยู่ อย่างที่เคยเรียนไปแล้ว ในกทม. ซึ่งยังมีการติดเชื้อวันละ 4 วัน ที่เรากลัวคือไอซียูไม่พอ ซึ่งตอนนี้ก็ยังบริหารจัดการค่อนข้างยากต้องดูวันต่อวัน แต่รอเกิน 24 ชม. ก็ดีขึ้น ตอนนี้เราเจอปัญหาอีกด้านหรือ ประชาชนบางคนอยู่ HI บางคนอาจจะอาการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนๆได้ ออกซิเจนเริ่มลดลง เราก็บอกว่าให้มารพ.เถอะ ไม่ต้องรอ เพื่อรับออกซิเจน
แต่มีหลายคนขอไม่มารพ. เพราะรู้สึกว่าอยู่ที่บ้านนั้นปลอดภัยดี ได้ยาจำเป็นแล้ว อาการไม่มาก แต่ก็ต้องย้ำว่าหากแพทย์แนะนำให้มาก็ขอให้มา เพราะตอนนี้เตียงสีเหลืองเราบริหารได้ดีขึ้น แต่มีความงดงามของสังคมไทย พอมีคนไข้ไม่อยากมารพ. ภาคประชาสังคมก็ร่วมกันเอาออกซิเจนไปให้ที่บ้าน แม้กระทั่งสีแดงก็มีบางส่วนที่ปฏิเสธการมารพ. เช่น บางคนป่วยติดบ้าน ติดเตียงแล้วเกิดติดโควิด บางคนอายุมากและมีโรคร่วม บางคนก่อนติดโควิด มีการทำหนังสือแสดงความจำนงไม่รับการรักษา ที่เราทำคือมีสมาคมดูแลระยะท้ายไปให้การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้โดย นำออกซิเจน ให้ยาแก้ปวดที่บ้านเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า กรณีรายงานยอดผู้หายป่วยแล้วนั้นหายแล้วจริงหรือไม่ เนื่องจากมีการจำหน่ายออกจากสถานพยาบาลหลังอยู่ครบ 10 วันเท่านั้น นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยที่อยู่รพ. หรืออยู่ในการดูแลของบุคลากรการแพทย์ แล้ว 10 วัน ได้รับอนุญาตให้กลับมาพักต่อที่บ้านอีก 4 วัน ซึ่งต้องย้ำว่าแม้จะออกจากรพ.มา 10 วันแล้ว เราจะยังจำหน่ายออกว่าเป็นผู้หายป่วยแล้ว จะไม่ประกาศเป็นผู้หายป่วยในอินโฟกราฟฟิกที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ตัวเลขที่เห็นเผยแพร่นั้น ย้ำว่าผ่านการรักษาจนครบกำหนดถ้วนระยะเวลาการรักษาแล้ว
ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน
โพสต์โดย : ปลายน้ำ