Social :



ชาวบ้านระทึก พายุถล่ม นาทีเดียว หมุนพัดบ้านพังทั้งแถบ ยายเล่าเกิดมา 90 ปีเพิ่งเคยเห็น

26 ก.ค. 64 08:07
ชาวบ้านระทึก พายุถล่ม นาทีเดียว หมุนพัดบ้านพังทั้งแถบ ยายเล่าเกิดมา 90 ปีเพิ่งเคยเห็น

ชาวบ้านระทึก พายุถล่ม นาทีเดียว หมุนพัดบ้านพังทั้งแถบ ยายเล่าเกิดมา 90 ปีเพิ่งเคยเห็น

เมื่อเวลา 00.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้รับภาพในขณะเกิดเหตุการณ์พายุงวงช้างหมุนเข้ามายังในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีชาวบ้านถ่ายเอาไว้ได้จากนายอำนาจ ประเสริฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำ พบว่าพายุงวงช้างดังกล่าวมีเกลียวขนาดใหญ่สีดำ หมุนผ่านพื้นที่ไปอย่างรวดเร็วเพียงระยะเวลาประมาณ 1 นาทีพร้อมกับมีสายฟ้าแลบสว่างวาบอยู่ในวงเกลียวพายุ ทั้งสีขาว สีฟ้า และแดงส้ม อยู่เป็นระยะจนดูน่ากลัว

นางสมพร ชูฤทธิ์ อายุ 63 ปี เล่าถึงนาทีระทึก ในขณะที่พายุหมุนพัดผ่านเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านหินตั้ง และเฉียดบ้านพักอาศัยของตนเองไปเพียงประมาณ 40-50 เมตรว่า พายุงวงช้างที่หมุนเข้ามามีลักษณะของกระแสลมที่หมุนม้วนวน เป็นวงกลม คล้ายกับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่พัดเอาฝุ่นขึ้นไปจากพื้นดินสู่อากาศในเวลาจะลงจอด และยังมีเสียงดังแรงมากจนน่ากลัว ก่อนที่จะหมุนผ่านเลยไปเพียงช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที

“แต่แรงเหวี่ยงของลมพายุที่เฉียดผ่านบ้านไปยังได้หอบเอาข้าวของและราวตากผ้าปลิวรอยไปด้วย แต่ที่ตัวบ้านเรือนพักอาศัยของตนเองนั้นไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากยังมีต้นไม้ที่อยู่รายรอบตัวบ้านได้ช่วยบังลมเอาไว้ให้ โดยพายุลักษณะนี้ตนยังไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งที่เกิดมาจนอายุถึง 60 กว่าปีแล้ว” นางสมพร กล่าว



ด้าน นายสมศักดิ์ ก้านแก้ว อายุ 64 ปี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุพายุหมุนตนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านที่บริเวณชั้นล่างของบ้านไม้ยกสูงกึ่งคอนกรีตแบบ 2 ชั้น โดยลมพายุพัดเข้ามายังที่ตัวบ้านเพียงไม่ถึง 1 นาที แต่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวบ้านจนพังเกือบหมดทั้งหลัง โดยเฉพาะหลังคาที่ปลิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่ทราบว่าไปตกอยู่ตรงจุดใดของหมู่บ้าน หลังจากที่พายุหอบเอาหลังคาส่วนบนของตัวบ้านไปทั้งหมด

“นอกจากนี้ ลมพายุยังได้พัดตู้เสื้อผ้าจนล้มลงมาทับที่ศีรษะของภรรยาตน คือ นางวิไล ก้านแก้ว อายุ 62 ปีอีกด้วย จนได้รับบาดเจ็บในขณะที่กำลังอยู่บนชั้น
Lif
2 ของตัวบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นหรือประสบเหตุการณ์พายุที่พัดรุนแรงในลักษณะนี้มาก่อน และตกใจมากในขณะที่กระแสลมกำลังพัดปะทะเข้ามาที่ตัวบ้านและหอบเอาหลังคาปลิวหายไป” นายสมศักดิ์ กล่าว



ขณะที่ นางผ่อน ชูฤทธิ์ อายุ 90 ปี กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 90 ปี 6 เดือนแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นพายุที่พัดรุนแรงลักษณะนี้มาก่อนเลย หลังเกิดเหตุพายุพัดผ่านบ้านไป ได้ทำให้โรงรถปลิวไปตามกระแสลมจนพังเสียหายหมดทั้งหลัง นอกจากนี้ที่ด้านบนหลังคาบ้านยังถูกลมพายุหอบหายไปอีกกว่าครึ่งหลังด้วย แต่ไม่ได้ตกใจหรือกลัวอะไร เนื่องจากไม่ได้เห็นแนวของพายุตอนที่พัดเข้ามา

“ขณะเกิดเหตุนั้น กำลังอยู่ตรงกลางของตัวเรือนที่บนชั้น 2 ของบ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่บุตรหลานที่อยู่ใต้ถุนบ้านนั้นเขาเห็นพายุกัน ในเวลานั้นจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ บนบ้านและไม่ได้ตกใจอะไร แม้สังกะสีมุงหลังคาบ้านจะถูกพัดหายไป และมีเสียงดังครึกโครมหลายครั้ง” นางผ่อน กล่าว




ขอบคุณที่มา      ข่าวมติชน

โพสต์โดย : ปลายน้ำ