ปัตตานีโควิดยังวิกฤตพุ่ง ติดเพิ่มอีก 215 คน เตียงสนามล้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในจังหวัดปัตตานียังคงเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้เป็นพื้นทีการควบคุมสูงสุด โดยวานนี้ วันที่ 10 ก.ค. มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 215 คน มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,281 คน รักษาหายแล้ว 2,190 คน และวันคราชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 39 คน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเสี่ยงสูง อยู่ระหว่างรอผลตรวจอีกหลายพันคน ทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย และใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีความกังวล และไม่กล้าออกนอกบ้าน
ขณะที่โรงพยาบาลปัตตานี ยังคงมีประชาชน กลุ่มเสี่ยงเดินทางมาตรวจเชื้อทุกวัน ซึ่งระหว่างรอผลตรวจจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน หากผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) เจ้าหน้าที่จะมารับตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม แต่วันนี้เนื่องจากพื้นที่จังหวัดปัตตานี พบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงพยาบาลสนาม เตียงเริ่มจะรองรับผู้ติดเชื้อไม่เพียงพออีกครั้ง ทำให้จังหวัดได้มีการวางแผนรับมือใหม่ โดยจะนำผู้ป่วย (กลุ่มสีเขียว) แยกกักตัวอยู่ที่บ้าน โดยกลุ่มนี้จะต้องเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ไม่มีโรค ไม่มีภาวะอ้วน ไม่มีอาการรุนแรง และอยู่บ้านไม่ต่ำกว่า 1 คน ทั้งนี้ บ้านผู้ติดเชื้อแต่ละหลังก็จะมีแผง และเชือกกั้นไว้ เพื่อความปลอดภัย และเป็นสัญลักษณ์ว่าบ้านนี้มีผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน
ทำให้โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลสนามต่างๆ ยังคงประสบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องเปิดรับสมัคร ทำงานเพียง 3 เดือน ล่าสุดมีนักศึกษาพยาบาล มอ.ปัตตานี จบใหม่กว่า 20 คน ใจกล้า และอาสามาช่วยงาน ตามโรงพยาบาลสนามต่างๆ โดยไม่หวั่นที่ติดเชื้อโควิด-19
ด้านนางสาวนูรูลฮูดา เจ๊ะแน อายุ 22 ปี นักศึกษาพยาบาลใจกล้าที่จบใหม่ เปิดเผยว่า การที่ได้มาทำงานที่นี้ก็ทราบข่าวจากพี่ๆ พยาบาลปัตตานีที่ขออาสาสมัครน้องพยาบาลจบใหม่มาช่วยงานที่โรงพยาบาลสนาม พอตนทราบก็รีบคว้าโอกาสนี้เลย เพราะระหว่างที่รอบรรจุก็อยากมีประสบการณ์ก่อนที่จะไปทำงานจริง และรู้สึกยินดีมากที่ได้มาช่วยตรงจุดนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่
ตนก็กังวลกับการทำงานตรงนี้ เพราะเป็นโรคที่มีการติดเชื้อแพร่กระจาย แต่ตนก็รู้สึกภูมิใจที่ได้มาทำงานที่นี้ เพราะได้ช่วยเหลือพี่น้องบ้านเราด้วย
เช่นเดียวกับนางสาวไอณีย์ ยามะแล อายุ 22 ปี เปิดเผยว่า สำหรับพ่อแม่ และคนที่บ้านก็ค่อนข้างกังวล แต่ตนก็บอกไปว่าจะดูแล และป้องกันให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องงานก็มีเหนื่อยบ้าง เพราะแต่ละวันมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่เข้ามารักษา แต่ก็ไม่ทุกวัน แต่ทว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และรักษาหาย กลับไปใช้ฃีวิตที่บ้านได้ตามปกติ แค่นี้ก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
ขอบคุณที่มา ข่าวมติชน
โพสต์โดย : ปลายน้ำ