จากจุดเริ่มต้น สู่จุดอวสานชีวิตครอบครัว ‘หนุ่ม ศรราม – ติ๊ก กนิษฐรินทร์’

ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังให้ความสนใจ สำหรับกรณีการหย่าร้างระหว่าง หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ กับภรรยาสาว ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ พัชรภักดีโชติ ซึ่งหากยังจำกันได้ชีวิตรักของทั้งคู่ถูกจับตาและเป็นที่สนใจตั้งแต่เริ่มเปิดตัวคบหาดูใจกัน

โดย หนุ่ม ศรราม และ ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ ประกาศคบหาดูใจกัน ท่ามกลางเรื่องรักวุ่นๆ ทั้งกับม่ายสาว นิโคล เทริโอ และอดีตนางงามน้ำฝน ทวีพร อารีย์สวัสดิ์ ซึ่งศรรามเคยออกมาเปิดใจว่า ทั้งคู่เจอกันตอนที่ไปออกกำลังกายที่ยิมแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กันเรื่อยมา ประทับใจที่ฝ่ายหญิงคอยอยู่เคียงข้างตนเสมอในเวลาที่ไม่สบายใจ แถมยังมีน้ำใจคอยดูแลเอาใจใส่คุณแม่ของตนอีกด้วย

ซึ่งหลังจากมีข่าวคบหากันได้ไม่นาน ศรรามและติ๊กก็ทำเอาแฟนคลับตั้งตัวกันแทบไม่ทัน เมื่อทั้งคู่จูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์สายฟ้าแลบ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 โดยมีผู้ใหญ่ที่ทั้งคู่เคารพรักมาร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น พร้อมประกาศว่ามีตัวน้อยแล้ว

กระทั่งต่อมา ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ ก็ได้คลอดลูกสาวตัวน้อย น้องวีจิ เทพพิทักษ์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2562 ซึ่งทั้งคู่ก็ช่วยกันดูแลเลี้ยงลูกด้วยดีมาตลอด มีแฟนคลับเอ็นดูคอยติดตามชมพัฒนาการ และความน่ารักของน้องวีจิกันไม่น้อยเลยทีเดียว

และเมื่อ น้องวีจิ อายุได้ 2 เดือนเศษ ทั้งคู่ก็ได้พาลูกสาวตัวน้อยบินลัดฟ้าไปเที่ยวไกลถึงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่ดันมิวายตกเป็นประเด็นเมาท์ให้หลายคนจับตา เมื่อชาวเน็ตหลายคนโยงข่าวอักษรย่อดารา ศ. ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดของอดีตนักร้องดังยุค 90 ปุ๊กกี้ ปริศนา ซึ่งต่อมา ศรราม ก็ได้ออกมาชี้แจงว่าตั้งใจพาลูกสาวมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่นั่น ข่าวบอกว่าเราหนีไปเมืองนอก ตกใจว่าทำไมต้องหนี ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราทำวีซ่าต้องขอล่วงหน้าถึง 2 เดือน

และเมื่อช่วงกลางเดือน มกราคม 2563 ครอบครัวของพระเอกหนุ่มก็ตกเป็นข่าวร้อนอีกครั้ง เมื่อ หนุ่ม ศรราม เข้าแจ้งความเงินในบัญชีหายไปจำนวน 4.5 แสนบาท ซึ่งต่อมาทางธนาคารได้ออกมาชี้แจงว่าผู้ทำรายการเป็นคนใกล้ตัวของพระเอกหนุ่ม และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของธนาคารแต่อย่างใด จนทำเอาหลายคนออกอาการงงและถามหาความจริงกันยกใหญ่ว่าใครเป็นคนกดเงินไปกันแน่ แต่กระนั้นครอบครัวเทพพิทักษ์ก็ยังคงชิลๆ ออกมาโพสต์อินสตาแกรมกันตามปกติและคอมเมนต์บอกรักกันมุ้งมิ้งเช่นเคย

ทว่า ผ่านพ้นไปได้เพียงไม่กี่เดือนครอบครัว เทพพิทักษ์ ก็เจอกับมรสุมใหญ่อีกลูก เมื่อมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ ติ๊ก กนิษฐรินทร์ ในข้อหาฉ้อโกงจัดซื้อขายหน้ากากอนามัย โดยว่าอ้างสามารถนำเข้ามาได้จากต่างประเทศ ทำให้สูญเสียเงินค่าสั่งซื้อเฉียดหลักล้านบาท ซึ่งต่อมา ศรราม ก็ได้ออกมาไลฟ์ชี้แจงยืนยันว่าไม่ได้มีการโกง และคืนเงินจำนวน 900,000 บาทให้กับคู่กรณี

และจากดราม่าหน้ากากอนามัย ก็มีอีกหนึ่งกระแสข่าวลือหลุดออกมาว่าทั้งคู่ได้หย่าร้างกันแล้ว ซึ่งต่อมา ติ๊ก กนิษฐรินทร์ ก็ได้ออกมาเปิดใจยอมรับว่าทั้งคู่ได้จดทะเบียนหย่ากันแล้วจริงๆ ตามที่มีกระแสข่าวลือหลุดออกมาก่อนหน้านี้ โดยบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะต้องการแก้เคล็ดตามคำแนะนำของพระผู้ใหญ่ที่นับถือ

กระทั่งล่าสุด (3 ก.ย.) ก็ทำเอาแฟนๆ ถึงกับช็อกไปตามๆ กัน เมื่อ หนุ่ม ศรราม ได้โพสต์ภาพเอกสารใบสำคัญการหย่าประกาศว่าได้หย่าขาดกับภรรยาสาว ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ อย่างเป็นทางการและแยกกันอยู่แล้ว เหลือไว้เพียงหน้าที่พ่อแม่ของลูกสาว น้องวีจิ เท่านั้น พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้ทำสัญญา​หรือ​ทำธุรกรรม​ทางด้านการเงินหรือด้านต่างๆ กับอดีตภรรยาช่วยติดต่อ​กับอีกฝ่ายโดยตรง และไม่ต้องมาที่บ้าน​ เพราะตนกับลูก​ไม่ทราบเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น

ซึ่งในโพสต์ดังกล่าว ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ เข้ามาคอมเมนต์พูดเรื่องหนี้ที่ถูกพูดถึงไว้ด้วยว่า “หนูปิดหนี้ไปแล้วหนิคะ 36000 จ่ายไปแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ” จากนั้นติ๊กก็ได้ลบคอมเมนต์ดังกล่าวออกไป

จากนั้น หนุ่ม ศรราม ก็ได้ออกมาโพสต์คลิปเสียงขณะโทร.คุยเรื่องการจ่ายเงินกับเจ้าของร้านอาหารที่เจ้าตัวรับงานโชว์ตัวมา ซึ่งทางเจ้าของร้านได้จ่ายเงินสดที่เหลือมาให้แล้วกับติ๊กเป็นจำนวนเงิน 55,000 บาท และก่อนหน้านี้ก็จ่ายเงินมัดจำมาแล้วด้วย ซึ่งทาง หนุ่ม ศรราม ก็โทรถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ พร้อมกับขอหลักฐาน พร้อมเขียนแคปชั่นว่า รักลูก​ รักสามี​มันเป็นแบบนี้หราครับ…เหตุเกิดวันศุกร์​ที่​ 29​ สิงหาคม​ 2563​ ครับผม​… ให้อภัย​ ให้โอกาส​ ให้เวลาครบถ้วนละครับผม”

พร้อมกันนี้ หนุ่ม ศรราม ยังได้ตอบคอมเมนต์ของ มอส ปฏิภาณ ว่า “ทองของขวัญวันเกิดวีจิหมดไปแล้ว แต่เดชะบุญพี่ปรีขาที่ดูแลบ้าน ซื้อล็อกเกตทองที่มีรูปวีจิที่เมิงให้คืนมา กูจะรักษาอย่างดี เพื่อวันหนึ่งจะให้วีจิแล้วบอกว่าลุงมอสให้หนูเป็นของขวัญนะลูกรัก… ขอบพระคุณมากนะครับเพื่อนรัก”

ขณะที่ ติ๊ก กนิษฐรินทร์ อดีตภรรยาก็ได้เข้ามาคอมเมนต์โต้กลับแบบดุเดือด “ระวังความหายนะกลับหาตัวพี่เอง ถ้าไม่หยุด” และ “เดี๋ยวสังคมจะรู้ว่าคนเล่นบทรักเมียลูกมากจะเป็นยังไง”

กระทั่งต่อมา ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ ก็ได้ออกมาเปิดใจยอมรับผิดแบบหมดเปลือกถึงสาเหตุที่เป็นหนี้เยอะ ระบุว่าตอนแรกตนมีหนี้สิน 3 แสนบาท พี่หนุ่มเลยจ่ายหนี้ให้ ช่วงแรกๆ เริ่มรักกัน ตนบอกว่า หนูมีหนี้ เค้าใช้หนี้ให้ตลอด เค้าดีมาก แต่ก็มีหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก เพราะไม่ได้บอกเรื่องหนี้ทั้งหมดแต่แรก เพราะคิดว่า หนี้ส่วนอื่นตนจะทำงานมาจ่ายเอง แต่ก็ใช้ไม่ไหว แล้วดันมีเจ้าหนี้ 2 คนที่มาเคาะประตูเพื่อทวงเงินที่บ้าน จนเกิดปัญหาขึ้น ตนยอมรับพี่หนุ่มดีมาก ใช้หนี้ให้ตลอด แต่ความรู้สึกของพี่หนุ่มพัง คงเพราะเกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ เรื่องหนี้ไม่หมดสักที

ปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวเอง หมุนเงินผิดจนทำให้เกิดหนี้ แรกเริ่มเอาเงินไปฝากแบงก์ แต่ไม่มีเงินไปฝากต่อ แต่ข้อกำหนดต้องฝากทุกปี เลยไปยืมเงินคนอื่นมาใช้ โดยยอมรับว่า เล่นพนันออนไลน์ เพราะหายืมเงินใช้หนี้แล้วไม่มีคนให้ยืม จุดแตกหักคือพี่หนุ่มช่วยไม่ไหวแล้ว เพราะไม่เหลืออะไรแล้ว และอยากจะเก็บเงินไว้ให้ลูก

เรื่องข่าวที่ศรรามไปแจ้งความเงินหายออกจากบัญชี ติ๊ก ยอมรับว่า เป็นคนกดเงินเอง 2-3 ครั้ง รวมๆ ประมาณ 4 แสนบาท โดย 2 แสนเอาไปใช้หนี้ อีก 2 แสนบาท เอาไปใช้หนี้พนัน ตนบอกพี่หนุ่มว่า เป็นคนเอาบัตรไปเอง แต่คาดว่าพี่หนุ่มอาจจะเบลอจำไม่ได้

ประเด็นที่พี่หนุ่มโพสต์คลิปเกี่ยวกับเงินค่าโชว์ตัวของพี่หนุ่ม 55,000 บาท ตนยอมรับว่า เป็นคนเอาไปเอง เอาไปหมุนใช้ เรื่องทองลูกที่ได้มาตอนรับขวัญ ยอมรับว่า เอาไปขาย 3 บาทช่วงแรกที่เป็นหนี้ ยืนยันทองของลูกยังอยู่ 7 บาท รวมถึงแหวนและกำไลเพชรยังอยู่ ตนเป็นคนเก็บเอาไว้ เพราะรู้ว่า พี่หนุ่มต้องการเก็บตรงนี้ไว้ให้ลูก

ออกมาจากบ้านของ หนุ่ม ศรราม ได้ 11 วันแล้ว แรก ๆ ก็คุยกันปกติ ส่วนลูกสาว ‘น้องวีจิ’ คุยเป็นวิดีโอคอล ซึ่งถ้าคุยกับหนุ่ม ต้องคุยผ่านทนาย ยอมรับร้องไห้ทุกวัน ทุกๆ เวลา อยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน นอกจากไปแอบดูลูก

ส่วนเรื่องหย่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ที่บอกว่า หย่า เพราะแก้เคล็ด ความจริงคือหย่าเพราะมีปัญหากัน แต่ที่บอกออกสื่อแบบนั้น เพราะต้องการรักษาความรู้สึกพี่หนุ่ม ตอนนั้นคิดว่าน่าจะกลับมาเป็นครอบครัวกันได้

นอกจากนี้ ติ๊ก กนิษฐ์รินทร์ ยังได้ออกมาโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว พรั่งพรูความในใจ ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง พร้อมกับขอโอกาสแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น “กราบขอโทษทุกคน…นะคะ ที่ทำให้ผิดหวัง”

“พร้อมจะยอมรับความผิดนี้ทุกอย่าง กราบขอบคุณพี่หนุ่ม ครอบครัวพี่หนุ่มและพ่อ กราบขอโทษ ขอขมาโทษกับ พี่หนุ่ม และลูก เจ้าหนี้ทุกคนที่ผ่านมา…ทำให้เดือดร้อน ได้เงินคืนช้า ติ๊กได้ทำผิดพลาด และยอมรับโทษในครั้งนี้ ขออนุญาตให้ทุกคน ตักเตือน สั่งสอน ด่า ติ๊กได้นะคะ รู้เสียใจรู้สึกผิดจริงๆ การตั้งใจขอออกมายอมรับความผิดครั้งนี้ ต่อหน้าประชาชนทุกคน ต่อครอบครัว และคนที่รัก เพราะอยากให้ทุกคนช่วยสอน ตักเตือน ติ๊กพร้อมรับฟังและพร้อมจะแก้ไข้เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างให้ดีขึ้น”

“ขอโทษสังคมเสียใจที่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี รู้สึกเสียใจในการกระทำผิด สุดท้ายบทลงโทษครั้งนี้สมควรแล้วได้รับความสูญเสีย คนรัก ครอบครัว สมควรจริงๆ ติ๊กขอน้อมรับความผิดนี้ค่ะ ต่อไปจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก ขอให้ทุกคนให้อภัยด้วยนะคะ”

“ติ๊กคนบ้านๆ บางครั้งใช้คำพูดตอบโต้ ที่ก้าวร้าว หยาบคาย ไม่ดี ไม่สุภาพลงไป ติ๊กกราบ ขอโทษ สังคมและประชาชนทุกคนด้วยนะคะ”

“ปล. ในรายการลืมอธิบายว่าภาพหมา แม่ลูก ไม่มีอะไรที่พาดพิงถึงพี่หนุ่มเลย ติ๊กหมายถึงตัวเอง…ผัวข้าใครอย่าแตะ ความคิดตอนนั้นฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ ความคิดเลอะเทอะ ต่อไปจะเขียนแคปชั่นอะไร จะคิดไตร่ตองให้รอบครอบก่อนลงนะคะ ติ๊กขอให้ทุกคนให้อภัยติ๊ก ได้แก้ไข้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีเพื่อลูก…เพื่อคนรัก แม้เราจะอยู่ในฐานะพ่อ-แม่ ไม่ได้อยากกลับไป…แต่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อทดแทนในเวลาที่ผ่านมาทำให้เห็นนะคะ #เราขอโทษ#น้อมรับทุกคำด่า”

ขอบคุณข้อมูล -The Bangkok Insight