Social :



ซีพี บริจาคเงินสู้ไวรัสโคโรน่าให้จีน 222 ล้านบาท ... แต่กลับมีคำถาม แล้วทำอะไรให้ประเทศไทยบ้างล่ะ?!?

30 ม.ค. 63 01:01
ซีพี บริจาคเงินสู้ไวรัสโคโรน่าให้จีน 222 ล้านบาท ... แต่กลับมีคำถาม แล้วทำอะไรให้ประเทศไทยบ้างล่ะ?!?

ซีพี บริจาคเงินสู้ไวรัสโคโรน่าให้จีน 222 ล้านบาท ... แต่กลับมีคำถาม แล้วทำอะไรให้ประเทศไทยบ้างล่ะ?!?

ซีพี บริจาคเงินสู้ไวรัสโคโรน่าให้จีน 222 ล้านบาท ... แต่กลับมีคำถาม แล้วทำอะไรให้ประเทศไทยบ้างล่ะ?!?


เมื่อเห็นใครทำความดี สมควรต้องอนุโมทนา แต่สังคมทุกวันนี้ กลับตาลปัตร ใครทำความดี กลับถูกมองในแง่ร้าย จึงต้องระวังตัวกับการสร้างความดี หากใครทนได้ ก็เข้าข่าย “ทองแท้ไม่แพ้ไฟ” ตั้งมั่นในคุณความดี อดทนต่อการพิสูจน์ความจริงไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อโดนหนัก ๆ มักจะเลือก “นิ่งเสียตำลึงทอง” อยู่เฉย ๆ ดีกว่า ไม่ต้องโดนด่า ไม่ต้องเสียความรู้สึก แต่ต่อไปในภายหน้า หากมีภัยเกิดขึ้นมา ใครจะกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย



กรณีล่าสุด หนังสือพิมพ์จีนลงข่าวขอบคุณภาคเอกชนไทย สำหรับการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ริเริ่มความช่วยเหลือบริจาคเงิน 222 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการป้องกันและต่อสู้โรคระบาดฉุกเฉิน เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย พอข่าวนี้มาถึงเมืองไทย แม้คนส่วนใหญ่ชื่นชมที่ซีพีร่วมต่อสู้กับโรคระบาด แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับตั้งคำถามว่า ทำไมต้องไปช่วยเหลือประเทศจีน แล้วประเทศไทยล่ะ ซีพีเคยทำอะไรให้บ้าง แม้จะเป็นคำถามที่ทำลายน้ำใจฝ่ายทำความดี แต่คำถามเหล่านี้ ก็กระตุกต่อมอยากรู้ เพื่อไปขุดดูความจริงให้ปรากฏแน่ชัด และถือเป็นการให้ความเป็นธรรมกับซีพีแบบไม่ต้องมีอคติ โดยรวบรวมข้อมูลจากข่าวเก่า ๆ รวมถึงต้องไปเปิดรายงานความยั่งยืนประจำปีของซีพีว่าบ่งชี้อะไรบ้าง


เริ่มจากข้อมูลพื้นฐานว่า บริษัทใหญ่ ๆ อย่างซีพี จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย เพื่อนำไปพัฒนาบ้านเมืองปีละเท่าไร ซึ่งข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีพบว่า ซีพีจ่ายภาษีปีละประมาณ 16,000 ล้านบาท นอกจากเงินภาษีแล้ว แต่ละปีซีพียังมีเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมอีกด้วย โดยในปี 2561 ซีพีบริจาคเงินในประเทศไทยทั้งสิ้น 3,900 ล้านบาท และปี 2562 อีกประมาณ 4,000 ล้านบาท ในการช่วยเหลือภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ประสบภัยพิบัติ ตลอดจนสนับสนุนโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ

Lif
ในมิติของการสร้างงานสร้างอาชีพนั้น ซีพีกระจายรายได้ไปสู่มนุษย์เงินเดือนกว่า 2 แสนครอบครัวที่ทำงานตามบริษัทต่าง ๆ ในเครือฯ เฉลี่ยปีละ 93,000 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายที่เป็นการกระจายรายได้ในการจ้าง Outsource หรือส่งให้ Suppliers ในประเทศ รวมถึง SMEs ทำอีกกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีเงินที่ต้องลงทุนไปกับงานวิจัยและพัฒนาอีกกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี ตัวเลขทั้งหมดในส่วนนี้ทำให้เห็นว่าเอกชนขนาดใหญ่อย่างซีพี มีส่วนกระจายรายได้ในประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนการสนับสนุนด้านสุขภาพและการแพทย์ เมื่อย้อนดูข่าวในอดีตพบว่า ซีพีเคยบริจาคเงินกว่า 200 ล้านบาทให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รวมถึงสนับสนุนด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่องในหลายโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ซีพีออลล์ก็ได้สมทบทุนโรงพยาบาลทั่วประเทศ จำนวน 134 ล้านบาท และหากนับรวมกับเงินบริจาคก้าวคนละก้าวในปี 2562 อีก 80 ล้านบาท เท่ากับปีหนึ่ง ๆ ซีพีมีเงินเข้าสู่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 200 ล้านบาทเลยทีเดียว

สำหรับมิติของความช่วยเหลือต้านภัยพิบัติในประเทศไทย เหตุการณ์น้ำท่วมก็ถือเป็นเหตุการณ์ที่เอกชนมีบทบาทสำคัญในการแบ่งเบาภาระของภาครัฐ โดยภาพหนึ่งที่ติดตาก็คือ ซีพีได้นำไข่ไก่ น้ำดื่ม อาหาร และถุงยังชีพ ลงไปให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นรายแรก ๆ เสมอ นอกเหนือจากการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องทุกครั้ง อย่างในคราวน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 มียอดบริจาคสูงถึง 100 ล้านบาท หรือในช่วงภัยพิบัติน้ำท่วมรุนแรงภาคเหนือเมื่อปีที่ผ่านมา ก็บริจาคเป็นเงิน 20 ล้านบาท บริจาคน้ำท่วมภาคใต้อีก 20 ล้านบาท ฯลฯ เมื่อรวม ๆ กันก็ถือว่าไม่น้อย และคงเพียงพอที่จะตอบดราม่าในโลกโซเชียลอย่างไม่มีอคติได้ว่า ซีพีทำอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง อย่างน้อยก็เป็นการให้ความเป็นธรรมกับซีพีในการสร้างความดีต่อไป

แม้การบริจาคจะไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงชื่นชม แต่สังคมก็ต้องไม่ทำให้คนทำดีหนีหน้าหรือไม่กล้าออกตัว เพราะหากทุกคนนิ่งเฉย หรือมองว่าธุระไม่ใช่ ภัยพิบัติในจีนครั้งนี้อาจจะแพร่กระจายเหมือนในหนังเกาหลีเรื่อง The Flu ที่จำลองเหตุการณ์โรคระบาดให้เห็นได้อย่างน่ากลัวที่สุด


ขอขอบคุณข้อมูล- Manager Online 

โพสต์โดย : Ao