Social :



‘อิหร่าน’ ถล่มฐานทัพสหรัฐ ขู่โดนโต้กลับจะโจมตีใน ‘ดินแดนอเมริกัน-ดูไบ-อิสราเอล’

08 ม.ค. 63 11:01
‘อิหร่าน’ ถล่มฐานทัพสหรัฐ ขู่โดนโต้กลับจะโจมตีใน ‘ดินแดนอเมริกัน-ดูไบ-อิสราเอล’

‘อิหร่าน’ ถล่มฐานทัพสหรัฐ ขู่โดนโต้กลับจะโจมตีใน ‘ดินแดนอเมริกัน-ดูไบ-อิสราเอล’

‘อิหร่าน’ ถล่มฐานทัพสหรัฐ ขู่โดนโต้กลับจะโจมตีใน ‘ดินแดนอเมริกัน-ดูไบ-อิสราเอล’


อิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่า 10 ลูก ถล่มฐานทัพสหรัฐในอิรักอย่างน้อย 2 แห่ง ช่วงเช้ามืดวันนี้ (8 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น การเคลื่อนไหวที่เชื่อว่าเป็นการแก้แค้นต่อเหตุการณ์ที่กองทัพอเมริกันโจมตีทางอากาศสังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูงของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน ยืนยันว่า อิหร่ารนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพของสหรัฐ และฐานทัพกองกำลังผสมในอิรัก โดยเป็นการระดมยิงขีปนาวุธมากกว่า 10 ลูก


แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐ เปิดเผยต่อซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐกำลังประเมินความเสียหายจากการโจมตีครั้งนี้อยู่ โดยมีรายงานถึงความเสียหายจำนวนหนึ่ง ที่ฐานทัพอากาศเอ็น อัล อัลซาด ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีทั้งผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ซึ่งรายงานบางกระแสระบุว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธครั้งนี้มากถึง 15 ลูกด้วยกัน

ขณะแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวเคิร์ด ระบุว่า มีขีปนาวุธอย่างน้อย 2 ลูก ที่ถูกยิงเข้าใส่สถานที่ 2 แห่งในเมืองเออร์บิล
Lif
โดยลูกแรกตกที่สนามบินนานาชาติเออร์บิล แต่ไม่ระเบิด ส่วนลูกที่ 2 ตกห่างไปทางตะวันออกของเมืองราว 33 กิโลเมตร แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ

ทางด้านกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ออกมากล่าวถึงเรื่องที่เพนตากอนระบุว่า จะตอบโต้การโจมตีในครั้งนี้ว่า "คราวนี้ เราจะตอบโต้พวกคุณภายในอเมริกา"


พร้อมกันนี้ ยังบอกว่า ถ้าหากดินแดนในอิหร่านโดนทิ้งระเบิดใส่ อิหร่านจะเล็งเป้าหมายการโจมตีไปที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และเมืองไฮฟา ของอิสราเอล ในการโจมตีระลอกที่ 3

แถลงการณ์ไออาร์จีซี ระบุด้วยว่า การโจมตีครั้งนี้ เป็นการแก้แค้นอย่างรุนแรง ต่อการเสียชีวิตของพล.อ.กัสเซ็ม โซเลมานี และว่า ประเทศใดก็ตามที่มีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่จะตกเป็นเป้าของการกระทำที่รุนแรง พร้อมบอกให้พลเมืองอเมริกัน ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลตัวเองถอนกำลังทหารสหรัฐออกไปจากภูมิภาคนี้

ล่าสุด ยังมีรายงานว่า  มีการโจมตีฐานทัพอเมริกันแห่งที่ 3 ในอิรักด้วยขีปนาวุธ 5 ลูก


ขอขอบคุณข้อมูล -The Bangkok Insight

โพสต์โดย : Ao